เข้ายุคเครียดเรื้อรังกันทั้งอเมริกา | ไสว บุญมา
ในช่วงเวลากว่า 2 ปีหลังวันที่โรคโควิด-19 เริ่มระบาด มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่ทำให้ชาวอเมริกันตกอยู่ในภาวะเครียดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภาวะนี้มีผู้มองว่าเป็นอาการของชาวอเมริกันที่ถูกสาปด้วยบาปสั่งสมซึ่งตนทำไว้เป็นเวลานานเริ่มจากวันก่อตั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็น การบังคับขู่เข็ญคนผิวดำให้เป็นทาส ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ผู้ที่ตั้งรกรากอยู่ในอเมริกามาก่อน ใช้อาวุธปรมาณูสังหารหมู่ผู้คนทั้งเมืองแบบเลือดเย็น ค้าอาวุธสงคราม หรือแทรกแซงกิจการภายในของประเทศทั่วโลก
ในขณะเดียวกันอาจมองไปถึง ปัจจัยพื้นฐาน ที่ทำให้สังคมอเมริกันก้าวหน้าโดยเฉพาะทางเทคโนโลยีซึ่งมีคำสาปแฝงอยู่ ปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้สังคมอเมริกันก้าวหน้ามองได้ว่าอยู่ที่ชาวอเมริกันโดยทั่วไปไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมีอยู่
ส่งผลให้แข่งขันกันแสวงหาสิ่งใหม่แบบไม่หยุดยั้งอย่างเร่งด่วน พร้อมกับมีความคาดหวังสูงว่าจะต้องได้รับการตอบสนองจนเป็นที่พอใจ ทั้งการแข่งขันและการไม่ได้ดังคาดหวังยังผลให้เกิดความเครียด
ในบรรดาความคาดหวังทั้งหลาย "ความเท่าเทียม" กันเป็นความคาดหวังพื้นฐานที่ชาวอเมริกันโดยทั่วไปมีอยู่ในสายเลือด แต่ตลอดประวัติศาสตร์ของเขา ความเท่าเทียมกันนอกจากจะไม่เคยเกิดขึ้นจริงแล้ว ยังจะเลวร้ายในยุคปัจจุบันซึ่งขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีดิจิทัลอีกด้วย
ดังเป็นที่ทราบกันดี เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้ชาวอเมริกันเป็นอภิมหาเศรษฐีแบบทันทีทันใดตั้งแต่วัยเยาว์รวมทั้ง บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์และมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ค พร้อมๆ กับการเกิดอภิมหาเศรษฐีเหล่านั้น ชาวอเมริกันจำนวนมากกลับยากจนเนื่องจากรายได้ไม่เพิ่มขึ้นไปตามรายจ่ายสำหรับใช้ในการครองชีพในยุคดิจิทัล
หลายครั้งคอลัมน์นี้อ้างถึงสภาพความเหลื่อมล้ำ หรือความไม่เท่าเทียมกันและผลร้ายของมันที่ชาวเมริกันเองออกมาย้ำเตือนรวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลโจเซฟ สติกลิตซ์ ในหนังสือชื่อ The Price of Inequality: How Today’s Divided Society Endangers Our Future (มีบทคัดย่อและวิพากษ์ภาษาไทยอยู่ในเว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com)
ดังที่ชื่อของหนังสือบ่งบอก ผลร้ายหลักของความเหลื่อมล้ำได้แก่ความแตกแยกซึ่งดูจะเข้าขั้นวิกฤติเมื่อโควิด-19 เริ่มระบาดโควิด-19 ทำให้ชาวอเมริกันตายไปแล้วกว่า 1 ล้านคนซึ่งสูงกว่าประเทศทั่วโลกทั้งที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าผู้อื่น
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมองว่า เพราะปัญหาการเมืองเข้ามาก้าวก่ายการต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายจึงไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาการเมืองคือความแตกแยกร้ายแรง
ท่ามกลางวิกฤติจากโควิด-19 ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันเครียดสูงอยู่แล้วนี้ มีเหตุการณ์อื่นตามมาอย่างต่อเนื่อง บางเรื่องโควิด-19เป็นปัจจัยทำให้เกิดขึ้น แต่หลายเรื่องไม่เกี่ยวกับไวรัสตัวนี้ เรื่องใหญ่ที่โควิด-19 เป็นปัจจัยได้แก่ความขาดแคลนสินค้าบางอย่างท่ามกลางความต้องการที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงบ้างทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงภายในรอบ 40 ปี
สินค้าที่ขาดแคลนล่าสุดซึ่งกำลังจะสร้างปัญหาทางการเมืองเพิ่มขึ้นคือ การขาดแคลนอาหารสำเร็จรูปสำหรับเด็กเล็ก เรื่องใหญ่ที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 รวมทั้งความแปรปรวนสูงของภูมิอากาศที่ทำให้เกิดทั้งความแห้งแล้งและพายุใหญ่ และกระบวนการลดสิทธิ์ของสตรี ซึ่งขณะนี้มีการต่อสู้กันขั้นสุดท้ายในศาลฎีกาของประเทศ นั่นคือ สิทธิ์เกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์
เรื่องต่าง ๆ ดังกล่าว ทำให้ชาวอเมริกันเครียดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมีเรื่องราวที่แทบไม่มีมาก่อน รวมทั้งการก่อความไม่สงบบนเครื่องบินเมื่อมีอะไรไม่เป็นที่พอใจนักเกิดขึ้น
ความเครียดของพวกเขาน่าจะลดลงได้มากหากปรับแนวคิดพื้นฐานที่ต้องการมีสิ่งใหม่ๆ แบบไม่หยุดยั้งอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่หลายสิ่งหลายอย่างไม่จำเป็นที่จะต้องมี หรืออาจรอไปก่อนจนกว่าสินค้าจะผลิตและส่งถึงตลาดได้ท่ามกลางความยากยากลำบากอันเกิดจากการระบาดของเชื้อโรค
เมื่อภาวะเงินเฟ้อเกิดขึ้นเพราะการแย่งกันซื้อก็พากันโวยวายว่ารัฐบาลบริหารผิดพลาดอย่างมหันต์ ชาวอเมริกันคงไม่เครียดจนขณะนี้ดูจะมีสภาพเรื้อรังแล้วหากพวกเขาปรับแนวคิดพื้นฐานให้เป็นไปในแนวสายกลางเสียบ้าง แน่ละ ไม่เฉพาะชาวอเมริกันเท่านั้นที่จะได้ผลดีจากแนวคิดนี้ ชาวโลกโดยทั่วไปก็เช่นกัน.