Geo Information Goods แพลตฟอร์มเพื่อเศรษฐกิจฐานราก

Geo Information Goods แพลตฟอร์มเพื่อเศรษฐกิจฐานราก

ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 จำเป็นต้องคิดใหม่เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ให้มีความสมดุลและยืดหยุ่นขึ้น  นอกจากความพยายามควบคุมการแพร่ของไวรัส

        ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 นอกจากความพยายามควบคุมการแพร่กระจายเชื้อไวรัสและเร่งคิดค้นวัคซีนแล้ว ประเทศส่วนใหญ่ล้วนได้รับผลกระทบทางลบในด้านเศรษฐกิจแตกต่างกันไปตามโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยซึ่งแม้จะควบคุมการแพร่กระจายเชื้อได้สำเร็จ แต่ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาต่างประเทศสูง ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การส่งออกและการใช้แรงงานต่างด้าว ก็ทำให้เศรษฐกิจไทยถูกกระทบมากจากมาตรการปิดเมืองและการมีข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ

        การคิดใหม่เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้มีความสมดุลและยืดหยุ่นขึ้นจึงมีความสำคัญ โดยนอกจากการปรับตัวสู่โลกดิจิทัลของทุกภาคส่วนแล้ว การเพิ่มความสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก หรือ Local Economy ก็เป็นอีกทิศทางหนึ่งที่จะต้องทำกันอย่างจริงจังมากขึ้น

        จากพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคโควิด ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อ-ขายจากร้านที่มีหน้าร้านไปสู่การซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ ซึ่งทำให้การทำธุรกรรมออนไลน์เพื่อจ่ายค่าสินค้าได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย เพราะมีการรับเงิน โอนเงิน จ่ายเงิน ผ่านทางแอพพลิเคชั่นแทนการไปธนาคาร ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงนี้ได้ส่งผลให้ภาคธุรกิจปรับตัวกันขนานใหญ่เพื่อรองรับลูกค้าจำนวนมาก

นอกจากนี้ เมื่อมองในมุมนโยบายทางสังคม พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับการแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรที่อยู่ในภาคการผลิตต้นทางให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ที่ผ่านมา เศรษฐกิจฐานรากในประเทศไทย มีปัญหา (Pain Point) ที่สำคัญ คือ (1) การขาดแคลนวัตถุดิบ ทั้งวัตถุดิบที่ใช้สำหรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหรือนอกภาคเกษตร ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากภัยแล้งหรือน้ำท่วม (2) ภัยธรรมชาติและโรคหรือแมลงศัตรูพืชที่ส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร (3) การขาดแหล่งรับซื้อ ตลาด หรือกลไกเชื่อมโยงผู้ผลิตและผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพ  และ (4) การบริหารจัดการสินค้า ทั้งกรณี สินค้าล้นตลาด สินค้าขาดคุณภาพ ขาดการจัดเกรด รวมทั้งขาดการสร้างแบรนด์หรือเรื่องราวให้มีความน่าสนใจ

        โซลูชั่นหนึ่งในการแก้ปัญหาดังกล่าวผ่านการระดมความคิดเห็นจากห้องปฏิบัติการนโยบาย หรือ Policy Lab ของ GISTDA คือการสร้าง Geo Information Goods Platform ซึ่งใช้ประโยชน์ของ Big Data ทั้งด้านพื้นที่ การผลิตและการตลาดจากภาครัฐและเอกชน เพื่อวางแผนการผลิต คาดการณ์การตลาด และดูแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยให้ผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการ (demand driven) ของผู้บริโภค ตอบรับแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคในช่วงโควิดและหลังโควิดที่เน้นอาหารปลอดภัย (food safety) อาหารเพื่อสุขภาพและออร์แกนิค สมุนไพรและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

แพลตฟอร์มดังกล่าวจะนำเสนอข้อมูลในพื้นที่ทั้งทางกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก การรวบรวมข้อมูลผลิตภัณฑ์ ทั้งแหล่งผลิต รับซื้อ ชนิด ราคา แหล่งจำหน่าย ข้อมูลผู้ผลิต ที่ผ่านช่องทางการจำหน่ายระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ผลิต ตลอดจนการคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นต่างๆ รวมถึงข้อมูลที่จำเป็นในการบริหารจัดการ ทั้งการผลิต สภาพอากาศ โรค แมลง และน้ำ ให้บูรณาการอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกันให้เป็นแพลตฟอร์มกลางเพื่อเสริมการสร้างมูลค่าจากสินค้าเกษตร พร้อมๆ กับยกระดับสินค้าเกษตร ลดปัญหาสินค้าล้นตลาดและขาดคุณภาพ

หน่วยงานรัฐที่มีบทบาทภารกิจในการสนับสนุนหรือภาคเอกชนที่สนใจดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถนำ แพลตฟอร์มดังกล่าวไปวางแผนคาดคะเนพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ตั้งแต่การใช้ประโยชน์ของวัตถุดิบ (Input Database) ไปจนถึง Big Geo-Spatial Data หรือข้อมูลเชิงพื้นที่อย่างภาพถ่ายจากดาวเทียม เพื่อการวางแผนเชื่อมต่อโครงข่ายการคมนาคมขนส่ง การลดต้นทุนการผลิตจากการหาแหล่งผลิตที่ไม่ห่างไกลจากฐานการผลิต ใช้การประมวลผลด้วย Machine Learning และ Data Analytics เพื่อวิเคราะห์พื้นที่ศักยภาพ การระบุพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสม ขนาดพื้นที่ คาดการณ์ผลผลิต และช่วยให้เกษตรกรสามารถขายสินค้าเกษตรได้ในราคาที่ดีขึ้น จากการรวบรวมข้อมูลผลิตภัณฑ์ (แหล่งผลิต รับซื้อ แหล่งจำหน่าย ข้อมูลผู้ผลิต) ตลอดจนการคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานอย่างครบวงจร  และช่วยให้ภาครัฐวางแผนบริหารจัดการสินค้าภาคการเกษตรได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ การพัฒนา Geo Information Goods Platform ยังสามารถต่อยอดไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรของไทย ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล Big Data ของเข้าถึงสวัสดิการภาครัฐ สภาพชีวิตความเป็นอยู่ ไปจนถึงการศึกษา  เพื่อการนำฐานข้อมูลการบริหารจัดการอย่างเป็นองค์รวมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและการเชื่อมโยงพลภาคเกษตรอย่างเป็นระบบ

วิกฤตการณ์โควิด-19 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องคิดใหม่ เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส โดยใช้เทคโนโลยีและข้อมูลที่มีอยู่อย่างมหาศาลในยุคปัจจุบัน มาสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ เพื่อให้ประเทศไทยฟื้นจากวิกฤตด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม

*บทความโดย ประกาย ธีระวัฒนากุล สถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future Foundation: TFF)

https://www.facebook.com/thailandfuturefoundation/