'คนละครึ่ง' โดนใจ! 'สุพัฒนพงษ์-อาคม' ถ้าทำดีๆ เข้าตาประชาชน?
ประชาชนอยู่ในภาวะ "เงินขาดมือ" ชักหน้าไม่ถึงหลัง ตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลกตั้งแต่ต้นปี ประเทศไทยรับได้ผลกระทบเช่นกัน
ซึ่งนี่ก็เข้าสู่ปลายปีแล้ว ทิศทางเหมือนจะมีความหวัง เพราะการพัฒนาวัคซีนมีความคืบหน้า แต่ภาวะเศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งมาตรการของรัฐบาล ในการลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชน
หลายมาตรการของรัฐบาลมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่แจกเงินคนละ 5,000 บาท ติดต่อกัน 3 เดือน ตามโครงการเราไม่ทิ้งกัน มาจนถึง "โครงการคนละครึ่ง" หวังให้กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย รวมถึงเป็นการสนับสนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
วันนี้ (11 พ.ย.) มีประชาชนจำนวนมากเข้าเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com เพื่อลงทะเบียนชิงสิทธิ์ 2.4 ล้านคน เพื่อเข้าร่วมโครงการรอบ 2 หลังรอบแรก ลงทะเบียนครบ 10 ล้านคน แต่มีบางรายไม่ใช้สิทธิ์และคุณสมบัติไม่ถูกต้อง จึงตัดยอดมาลงทะเบียนใหม่
ความต้องการคนของประชาชนอยากเข้าร่วมโครงการ มีมากจริงๆ ดูได้จาก www.คนละครึ่ง.com เกือบล่ม และได้รับคำชี้แจงจาก ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ผู้ดูแลระบบลงทะเบียน “คนละครึ่ง” เปิดเผยว่า ระบบการลงทะเบียนคนละครึ่ง ในช่วงเช้า มีปัญหาบ้าง แต่ระบบไม่ได้ล่ม เพียงแต่ระบบมีหน่วงๆ ชั่วคราวเท่านั้น
"ยอมรับว่า โครงการคนละครึ่งได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนค่อนข้างมาก ประชาชนสนใจลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก" ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ระบุ
ระดับคุมนโยบาย อย่าง สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ.สัปดาห์หน้าจะหารือมาตรการเศรษฐกิจ โดยจะปรับปรุงมาตรการที่ผ่านมา ซึ่งถ้าดีอาจขยายและเพิ่มมาตรการออกไป
ส่วนของ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เตรียมพิจารณาเปิดโครงการคนละครึ่งเพื่อกระตุ้นกำลังการใช้จ่ายในระยะที่ 2 หรือเฟส 2 ในช่วงต้นปี 2564 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน หลังจากมาตรการในระยะแรกได้รับการตอบรับจากประชาชนมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิครบ 10 ล้านคน หลังจากเปิดให้ลงทะเบียนรอบเก็บตกเพิ่มเติมในวันนี้ (11พ.ย.) อีก 2.3 ล้านคน
"เบื้องต้นจะโครงการคนละครึ่งเฟส 2 จะเริ่มต้นในปี 2564 ซึ่งเป็นการขยายเวลามาตรการออกไปจากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เพื่อหวังกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปีใหม่ ส่วนจะมีการเพิ่มสิทธิมากกว่า 10 ล้านคน หรือเพิ่มวงเงินเพื่อนำไปใช้จ่ายมากกว่า 3,000 บาทหรือไม่ จะต้องขอไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง เพราะเกี่ยวข้องกับงบประมาณที่ใช้ แต่ยืนยันว่ามีเม็ดเงินเงินเพียงพอแน่นอน คาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือนธ.ค.นี้"
แน่นอนว่า ประชาชนคนที่ลงทะเบียนไม่ทัน คนที่ยังไม่ได้สิทธิ์ คงต้องฝากความกับ "รองนายกฯ สุพัฒนพงษ์" และ "รมต.อาคม" ว่าเดือนธันวาคมนี้ ประชาชนจะได้ของขวัญจากรัฐบาลชิ้นใหญ่หรือเล็ก และถ้าทำโครงการมีร้านค้าร่วมมากกว่าล้านราย มีประชาชนเข้าร่วมมากกว่าเดิม 10 ล้าน ย่อมครอบคลุมตามโจทย์กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย
และเห็นด้วยว่า ไม่ควรขยายวงเงินเพิ่มจาก 150 บาทต่อวัน เพราะการเพิ่มวงเงินอาจเป็นช่องเป็นความเสี่ยงต่อมิจฉาชีพ และขนาดเงินเพียงเท่านี้กำลังดี และมีความเสียหายต่อรัฐไม่มาก พร้อมทำให้เรียนรู้เรื่องประหยัดและร่วมจ่ายเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
พูดกันตรงๆ ถ้า 2 รมต. "สุพัฒนพงษ์-อาคม" ทำโครงการได้ดี ปิดช่องโหว่โกง สามารถกระจายถึงประชาชนและร้านค้าทั่วประเทศ เชื่อว่าเข้าตาประชาชน โดนใจได้คะแนนแน่ๆ!!