Future of Work : การทำงานแบบไหนดีที่สุด? (2)

ผมคิดว่าการออกแบบการทำงานในอนาคตมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึง เช่น

เราอยู่ในธุรกิจอะไร?

ถ้าเป็นธุรกิจอี-คอมเมิร์ช สามารถแบ่งงานเป็นส่วนย่อยๆ ได้ การ Work from Home ดูเหมือนตอบโจทย์การทำงาน แต่ถ้าเป็นธุรกิจบริการ โรงแรม สายการบิน ก่อสร้าง ต้องติดต่อ ประสานงานดูแลลูกค้าแบบเผชิญหน้า การทำงานผ่านจออิเล็กทรอนิกส์แทบเป็นไปไม่ได้ ขาดปฎิสัมพันธ์ กิจการคงเจอกับหายนะ

วัฒนธรรมองค์กรเราเป็นแบบไหน?

องค์กรรุ่นใหม่ ผู้นำเจนวาย เติบโตในโลกอินเตอร์เน็ต อาจยอมรับการทำงานจากที่ไหนก็ได้ ตราบเท่าที่ทำงานสำเร็จ ความรับผิดชอบ คุณภาพของพนักงาน และเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้การ Work from Anywhere เกิดขึ้นได้

แต่องค์กรเก่าแก่ ผู้บริหารย้อนยุค วัฒนธรรมองค์กรแบบครอบครัว เชื่อการทำงานที่ต้องพบหน้า พูดคุย ประชุมกันแบบตัวต่อตัว การเข้าทำงานในออฟฟิศยังเป็นสิ่งจำเป็น

เจ้านายของเราเป็นใคร?

เราอาจเลือกองค์กร หรือธุรกิจที่อยากทำงานได้ แต่เราเลือกเจ้านายไม่ได้

บริษัทชั้นนำในประเทศไทยสองแห่งมีการทำงานที่ต่างกันสิ้นเชิง เพราะมีเจ้านายไม่เหมือนกัน บริษัทแรก CEO ทำงานหนัก ดึกดื่นถึงรุ่งสาง ประชุมต้องเจอตัว ลงรายละเอียด ต้องเข้าออฟฟิศ ร่วมประชุม ทำงานด้วยกัน

ส่วนอีกบริษัท CEO สั่ง Work from Home ทุกคน พนักงานห้ามเข้าออฟฟิศ ต้องปรับตัว เรียนรู้เทคโนโลยี เปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบพลิกฝ่ามือ ไร้กระดาษ เชื่อมระบบให้ทำงานจากที่ไหนก็ได้ พนักงานแทบไม่ได้เจอหน้ากัน

แต่บริษัททั้งสองแห่งต่างทำกำไรได้อย่างงดงาม

ผมคิดว่าไม่มีรูปแบบการทำงานอย่างไหนถูกหรือผิด Future of Work ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม ถกเถียงกันไปอีกระยะ จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ผู้นำองค์กรต้องเตรียมพร้อมปรับตัว ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ ตัดสินใจรวดเร็ว ผิดแล้วเริ่มใหม่ ลองผิดลองถูก จนพบจุดสมดุลที่เหมาะกับองค์กรของตัวเอง

Great Resignation ทำให้เกิด Great Conversation พูดคุย ถกเถียงกันขนานใหญ่ถึงรูปแบบการทำงานในอนาคต

แต่สำหรับวันนี้ ทำงานปัจจุบันให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะทำจากที่ไหนก็ตามครับ