คนมีโชคเพราะโชคดีหรือ | วรากรณ์ สามโกเศศ
“ขอให้โชคดี” “หมานๆๆ” “โชคดีนะเพื่อน” ข้อความที่พูดเพื่อขอให้มีโชคนี้ได้ยินกันทุกวัน เนื่องจากเชื่อว่าการมีโชคเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม จนต้องให้พรกัน
อย่างไรก็ดีมีนักวิชาการในโลกตะวันตกเชื่อว่า การมีโชคอยู่ในการควบคุมโดยขึ้นอยู่กับทัศนคติ ความเชื่อ อุปนิสัยและพฤติกรรมของบุคคล
ความโชคดีเป็นสิ่งที่มนุษย์พร่ำหามาตลอดประวัติศาสตร์ เมื่อ 4-5 พันปีก่อนคนอียิปต์โบราณใช้ซากแมลงปีกแข็งเป็นเครื่องรางของขลังเพราะเชื่อว่าจะนำมาซึ่งความโชคดี สังคมตะวันตกนิยมใช้ขากระต่ายเล็ก ๆ เป็นตัวนำโชค ไม่ว่าจะแขวนไว้ที่กระจกรถหรือใช้เป็นพวงกุญแจ
ความนิยมนี้มีอยู่ในวัฒนธรรมจีนด้วยเพราะเชื่อว่าจะนำมาซึ่งการมีลูกดก คนไทยนั้นยิ่งแล้วใหญ่ แขวนพระกันเพื่อคุ้มครองป้องกันภัย ให้มีโชคลาภ เกิดเมตตามหานิยม และอีกสารพัด ซึ่งล้วนแล้วก็เพื่อให้มีโชคทั้งสิ้น
ในปัจจุบันนักวิชาการศึกษาสังคมเชื่อว่าโชคมิได้เกิดอย่างสุ่ม ๆ อย่างคาดคะเนไม่ได้ และอย่างอธิบายไม่ได้ หากการมีโชคเป็นผลพวงจากการเปิดกว้างต่อประสบการณ์ใหม่ ๆ และความกล้าที่จะเสี่ยง Stephen Mark ได้พบจากการศึกษาว่าคนที่มองตนเองว่า เป็นคนโชคดีมีทางโน้มที่จะมีพฤติกรรมแตกต่างอย่างมากจากคนที่มองว่าชีวิตของตนเองประสบแต่ความไร้โชค
คนโชคดีมีพฤติกรรมร่วมกันคือ มักมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เคยทำอยู่เป็นประจำ หาสิ่งแวดล้อมใหม่ และเข้าสังคมกับคนอื่น ๆ อย่างกว้างขวางเสมอ มีความคิดในด้านบวก มีทัศนคติที่ดีต่อการกระทำสิ่งใหม่ ๆ ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่ และเกิดความกระตือรือร้นที่จะหาประโยชน์
พูดง่าย ๆ ก็คือ การเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำทำให้มีโอกาสพบสิ่งใหม่ ๆ มากขึ้น เป็นการเปิดตัวเองให้มีโอกาสต่างๆมากยิ่งขึ้น เกิดศักยภาพสูงขึ้นที่จะได้รับสิ่งดี ๆ ซึ่งก็คือการเปิดประตูรับโชคนั่นเอง
Richard Wiseman นักวิชาการอีกคนหนึ่งซึ่งเริ่มชีวิตด้วยการเป็นนักเล่นกลอาชีพ และมีโชคได้เรียนหนังสือสูงขึ้นจนเป็นนักวิชาการมีชื่อเสียง เห็นว่าการมีโชคหรือการไร้โชคโดยพื้นฐานแล้วถูกกำหนดโดยอุปนิสัยของคน
เขามีทฤษฎีว่าคนมีโชคมักมีทางโน้มเป็นคนประเภทมีบุคลิกเปิดเผย (extrovert) ซึ่งมักเกี่ยวพันกับการกระทำหลากหลายเรื่องจนทำให้มีศักยภาพสูงขึ้นในการได้รับผลลัพธ์ในด้านบวกหรือโชคนั่นเอง
สำหรับคนอับโชคนั้นมีทางโน้มที่จะเป็นคนเครียด มีความกระวนกระวายใจมากกว่าคนมีโชค เนื่องจากอุปนิสัยทำให้มีความสามารถในการมองเห็นโอกาสต่าง ๆ น้อยกว่าจนมีความสามารถในการหาประโยชน์จากมันได้น้อยกว่าตามไปด้วย คนอับโชคมักมองโลกในด้านลบ ดังนั้นจึงมักมองประสบการณ์ที่ได้รับไปในด้านลบและมักคิดสงสารตนเองที่มีแต่ความผิดหวังอยู่เสมอ
นักวิชาการศึกษาสังคมพบว่า เมื่อคนมีโชคประสบโชคร้าย หรือไม่ได้รับผลลัพธ์ตามที่ต้องการ มักรักษาการมองโลกในด้านดีไว้ และสู้กับสิ่งไม่พึงปรารถนาที่เกิดขึ้นโดยใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ตนเองมี พวกเขามีทางโน้มที่จะเป็นพวกมองเห็นน้ำเต็มครึ่งแก้ว (แทนที่จะเห็นว่าเป็นน้ำที่เหลืออยู่เพียงครึ่งแก้ว ) และพร้อมที่จะรับมือกับความล้มเหลวและเรียนรู้จากมันเสมอ
Wiseman ทดสอบทางจิตวิทยากับผู้เข้าร่วมศึกษาโดยให้บรรยายความรู้สึกหากถูกยิงขณะมีการปล้น กลุ่มคนมองโลกในแง่ดี (พวกมองเห็นน้ำเต็มอยู่ครึ่งแก้ว) บรรยายว่าเป็นความโชคดีที่ไม่ถึงกับตาย ส่วนพวกมองโลกด้านร้าย (พวกมองเห็นน้ำเหลืออยู่เพียงครึ่งแก้ว) มองว่าตนเองตกเป็นเหยื่อและโชคร้ายที่ถูกยิง
Wiseman ศึกษาวิจัยเรื่องโชคเป็นเวลา 10 ปี กับคนอายุระหว่าง 18-84 ปี รวม 400 คนทั้งหญิงและชายจากหลากหลายอาชีพและพื้นฐานชีวิต ผลการศึกษายืนยันว่าคนมีโชคมีส่วนอย่างสำคัญในการทำให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ตนเองต้องการ
สรุปอุปนิสัยของคนมีโชคมีดังนี้ (1) ตื่นตัวกับโอกาส และความเป็นไปได้ มีความสามารถในการสร้างโอกาสและมองเห็นโอกาสที่เกิดขึ้นเสมอ (2) ไว้วางใจสัญชาตญาณของตนเองและลงมือปฏิบัติ (3) ลงมือทำตามเป้าหมายในชีวิตของตนเอง (4) มีทัศนคติที่ยืดหยุ่นและพร้อมที่จะสู้ให้ฟื้นตัวกลับได้ (resilient attitude)กล่าวคือ ยอมรับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาและสู้กับความผิดหวังและวิกฤตการ และหาประโยชน์จากความโชคร้ายที่มาเยือน
ทั้งหมดนี้สามารถเอามาสรุปเพื่อหาทางเพิ่มความมีโชคได้ดังต่อไปนี้
(1) พูดว่า “ทำไมถึงจะไม่ใช่ฉันล่ะ” เมื่อความโชคร้ายมาเยือน อย่าโวยวายว่า “ทำไมถึงต้องเป็นฉันล่ะ” จงยอมรับว่ามันเป็นบทเรียนชีวิต คนมีโชคมักมีวิธีคิดที่ลดความร้ายแรงของโชคร้าย โดยคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเลวร้ายกว่านี้ก็ได้ ที่เกิดขึ้นแค่นี้นับว่าเป็นโชคแล้ว
(2) ขยายวงสังคม มีเพื่อนใหม่มากขึ้น มีสังคมที่กว้างขึ้นเช่น เป็นอาสาสมัคร เล่นกีฬา มีงานอดิเรก พบปะพูดจากับผู้คนหลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม การพบคนใหม่ ๆ จะทำให้ตนเองเปิดกว้างกับความคิดใหม่ๆ และประสบการณ์ใหม่
(3) ตอบรับบ่อยขึ้น ตอบรับ คำเชิญที่อยู่นอก “comfort zone” (พื้นที่คุ้นเคยที่ทำให้สบายใจ) และทดลองสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ฯลฯ (4) ยิ้ม คนไทยรู้จักดีและทำกันเป็นประจำมายาวนาน มันเป็นประตูไปสู่มิตรภาพเสมอ การยิ้ม ทำให้เกิดความสุขทั้งผู้ยิ้มและผู้รับ
วัตถุดิบในวันนี้ได้มาจากข้อเขียนของ Gina Vild ; “How to Improve Your Luck” ในนิตยสาร Psychology Today เดือนกุมภาพันธ์ 2022 ตอนท้ายบทความ ผู้เขียนอ้าง Tennessee Williams นักเขียนมีชื่อชาวอเมริกัน ที่เคยกล่าวไว้ว่า “Luck is believing you’re lucky.” (การมีโชคมาจากการเชื่อว่าตนเองเป็นคนโชคดี) เพื่อสรุปว่าความมีโชคมิได้เกิดขึ้นนอกการควบคุม หากขึ้นอยู่กับความเชื่อ ทัศนคติและอุปนิสัยของบุคคลนั้น ๆ
อย่างไรก็ดีหลายคนอาจเห็นว่าสิ่งที่พบเชิงวิชาการนี้เป็นจริงในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง การมีโชคขึ้นอยู่กับความบังเอิญและสิ่งที่อธิบายไม่ได้อีกมากเช่นจากการพบคนบางคน หรือจากการได้ยิน หรือการได้อ่าน หรือการรับทราบข้อมูลบางอย่างในจังหวะซึ่งนำไปสู่โชค
แต่บางคนอาจโต้ว่าการได้พบสิ่งต่าง ๆ ตามที่กล่าวมานี้ก็ล้วนเป็นผลพวงจากสิ่งที่นักวิชาการเหล่านี้ได้กล่าวถึงไว้คือให้พยายามเปิดกว้างให้ตนเองได้พบปะผู้คน พบสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เพื่อเปิดประตูรับโชคมิใช่หรือ
ไม่ว่าจะเชื่อว่า “คนโชคดีเพราะทำตัวให้โชคดี” หรือ “คนโชคดีเพราะบังเอิญมีโชค” ก็ตาม ความจริงของการมีโชคอาจอยู่กึ่ง ๆ ระหว่างสองประโยคนี้ก็เป็นได้
โอเค ดังนั้นเราจงปรับตัวกันเพื่อให้เกิดโชคตามคำแนะนำของงานวิจัยของโลกตะวันตกพร้อมกับอธิษฐานและแขวนพระกันต่อไปครับ.