เปิดแนวคิด BEE ตัวชี้วัดใหม่ของธนาคารโลก | สถาบันอนาคตไทยศึกษา

เปิดแนวคิด BEE ตัวชี้วัดใหม่ของธนาคารโลก | สถาบันอนาคตไทยศึกษา

ในปี 2563 ไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 21 จาก 190 ประเทศ ในดัชนีความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease Doing Business) หรือ EDB หลังจากนั้น ธนาคารโลกได้ยุติการจัดทำตัวชี้วัดนี้ไปหลังจากทำมาต่อเนื่องนับสิบปี

ล่าสุดธนาคารโลกได้เริ่มต้นพัฒนาแนวคิดใหม่เพื่อต้องการประเมินสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการต่อยอดจากดัชนี EDB โดยคาดว่าธนาคารโลกจะเผยแพร่ตัวชี้วัดและรายงานดังกล่าวออกมาในปี 2566

แนวคิดใหม่นี้ใช้ชื่อว่า “สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อธุรกิจ” (Business Enabling Environment) หรือ BEE ซึ่งเป็นแนวคิดที่วิวัฒน์จากแนวคิดความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ BEE ใช้มุมมองที่กว้างมากขึ้น และเป็นองค์รวมขึ้น รวมถึงเพิ่มมิติของเทคโนโลยีดิจิทัลและความยั่งยืนอันเป็นแนวโน้มทางธุรกิจที่สำคัญเข้าไปด้วย

แนวคิดภาพรวมมองว่าผู้ประกอบธุรกิจต้องใช้เวลาในการทำธุรกรรมต่างๆ กับหน่วยงานของรัฐ อาจพบกับกฎระเบียบที่ยุ่งยากและคาดเดาไม่ได้ ต้นทุนในการทำธุรกรรมครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่ายที่สูงทั้งในแง่ของเวลาและเงินที่ต้องใช้สำหรับปฏิบัติตามกฎระเบียบ ตลอดจนมีต้นทุนค่าเสียโอกาสเกิดขึ้นด้วย 

ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ในหลายประเทศมีจำนวนมากจน อาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อความสามารถในการอยู่รอดของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ ทั้งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การว่างงาน ความยากจน จนถึงดุลงบประมาณของภาครัฐในระยะยาว

การประเมิน “สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อธุรกิจ” (Business Enabling Environment) เป็นความพยายามที่จะชี้วัดถึงบรรทัดฐานทางกฎหมาย ข้อบังคับ นโยบาย ข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ

ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อหรือขัดขวางการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือบริการของผู้ประกอบธุรกิจในห่วงโซ่คุณค่า รวมถึงบรรทัดฐานทางสังคมและวัฒนธรรมทางธุรกิจด้วย 

แนวคิด BEE ต้องการจะนำไปสู่นโยบายการพัฒนาภาคธุรกิจเอกชนใน 3 ทิศทางที่สำคัญ คือ การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ การเพิ่มความเท่าเทียมของโอกาสของผู้ประกอบการ และความยั่งยืนของเศรษฐกิจ 

กรอบแนวคิดของ BEE แบ่งเป็น 3 กระบวนการหลัก คือ การเริ่มต้นธุรกิจ การประกอบธุรกิจ และการสิ้นสุดธุรกิจ โดยมีปัจจัยเทคโนโลยีดิจิทัลและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมฝังอยู่ในทุกกระบวนการธุรกิจ ทั้งนี้ ใน 3 กระบวนการดังกล่าวจะแยกย่อยออกเป็น 10 มิติ 

เปิดแนวคิด BEE ตัวชี้วัดใหม่ของธนาคารโลก | สถาบันอนาคตไทยศึกษา

กระบวนการเริ่มต้นธุรกิจ ประกอบด้วย 2 มิติ คือ การเข้าสู่ภาคธุรกิจ (Business entry) และที่ตั้งทางธุรกิจ (Business location)  

กระบวนการประกอบธุรกิจ ประกอบด้วย 7 มิติ คือ การเชื่อมต่อสาธารณูปโภค (Utility connections)  แรงงาน (Labor) การบริการทางการเงิน (Financial services) 

การค้าระหว่างประเทศ (International trade) การจัดเก็บภาษี (Taxation) การระงับข้อพิพาท (Dispute resolution) การแข่งขันของตลาด (Market competition)

กระบวนการสิ้นสุดธุรกิจ มี 1 มิติ คือ การล้มละลายของธุรกิจ (Business insolvency)

หากเทียบเคียงกับแนวคิด EDB ในเชิงกรอบแนวคิดและมิติตัวชี้วัดแล้วจะพบว่าแนวคิด BEE มีการต่อยอดจากแนวคิด EDB แต่ใช้มุมมองที่กว้างขึ้น รวมถึงมีการริเริ่มนำมิติใหม่ๆ ที่สำคัญต่อธุรกิจเข้ามา โดยแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยปรากฏใน EDB มาก่อนหรือปรากฏอยู่แต่ไม่ชัดเจนนัก ซึ่งได้เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่ในแนวคิด BEE ได้แก่ เรื่องการแข่งขันของตลาด (Market competition) และมิติแรงงาน (Labor)  

เปิดแนวคิด BEE ตัวชี้วัดใหม่ของธนาคารโลก | สถาบันอนาคตไทยศึกษา

สำหรับมิติการแข่งขันของตลาด (Market competition) เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ใน BEE จะพิจารณาถึงคุณภาพของกฎระเบียบที่ส่งเสริมการแข่งขันในตลาด ความเพียงพอของบริการสาธารณะที่ส่งเสริมการแข่งขันตลาด และประสิทธิภาพในการดำเนินการเพื่อส่งเสริมการแข่งขันของตลาด

โดยจะครอบคลุมการบังคับใช้นโยบายการแข่งขันทางการค้าและกฎระเบียบที่เน้นการปรับปรุงการแข่งขันในตลาดเอกชน รวมถึงในตลาดจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐด้วย

ส่วนมิติแรงงาน (Labor) ประกอบด้วยคุณภาพของข้อบังคับด้านแรงงาน ความเพียงพอของบริการสาธารณะสำหรับตลาดแรงงาน และความยากง่ายในการจ้างแรงงาน โดยจะพิจารณาการทำงานของตลาดแรงงานจากมุมมองของทั้งบริษัทและพนักงาน รวมถึงนโยบายและกฎระเบียบ ตั้งแต่กฎหมายคุ้มครองแรงงาน ไปจนถึงข้อบังคับในการจ้างงานและการเลิกจ้างแรงงาน 

ในมิติทางธุรกิจอื่นๆ พบว่าแนวคิด BEE มีการต่อยอดในมุมมองที่กว้างขึ้นจาก EDB  ตัวอย่างเช่น จากเดิมที่ EDB พิจารณา “การขออนุญาตก่อสร้าง” ของธุรกิจ ก็ได้ขยายมุมมองใน BEE เป็นการพิจารณา “ที่ตั้งทางธุรกิจ” (Business location) ที่ครอบคลุมคุณภาพของกฎระเบียบการเช่าอสังหาริมทรัพย์ การเป็นเจ้าของทรัพย์สิน และการวางผังเมือง 

นอกจากนี้ จากเดิมที่ EDB พิจารณา “การขอใช้ไฟฟ้า” ก็ได้ปรับเปลี่ยนใน BEE เป็น “การเชื่อมต่อสาธารณูปโภค” (Utility connections) ซึ่งครอบคลุมทั้งสาธารณูปโภคทั้งประเภทน้ำ ไฟฟ้า และอินเทอร์เน็ต ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันมากขึ้น

ในมิติการค้าระหว่างประเทศ (International trade) ได้เพิ่มการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และการค้าที่ยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมเข้าไปด้วย รวมถึงเริ่มพิจารณาถึงการค้าบริการระหว่างประเทศ เป็นต้น 

ที่ผ่านมา ตัวชี้วัด EDB เป็นตัวชี้วัดหลักตัวหนึ่งซึ่งรัฐบาลไทยทุกรัฐบาลได้นำมาใช้ประกอบการดำเนินนโยบาย จนทำให้ประเทศไทยขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 21 ของโลก

ในปีหน้า คาดว่าจะมีการออกรายงานตัวชี้วัด BEE นี้ ซึ่งน่าจะสร้างความท้าทายและเพิ่มแรงกดดันต่อภาครัฐมากขึ้นในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้ดีขึ้น 

โดยเฉพาะเมื่อ BEE เพิ่มมิติการแข่งขันของตลาดและมิติแรงงานเข้ามาพิจารณา ซึ่งผลการประเมินของประเทศไทยไม่ว่าจะออกมาดีหรือแย่กว่าประเทศต่างๆ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับส่วนรวมในการพัฒนาให้ดีขึ้น โดยเฉพาะในบริบทของการตั้งคำถามถึงสภาพการแข่งขันในตลาดและการผูกขาดธุรกิจของไทยในปัจจุบัน. 
คอลัมน์ : คิดอนาคต
ธราธร รัตนนฤมิตศร
ณฐนภ ศรัทธาธรรม
สถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future Foundation)
www.facebook.com/thailandfuturefoundation/