คณะศิลปกรรมฯ - สถาปัตย์ฯ ม.กรุงเทพ ปั้นเด็กสายดีไซน์ ปูทางสู่มืออาชีพในระดับสากล

คณะศิลปกรรมฯ - สถาปัตย์ฯ ม.กรุงเทพ ปั้นเด็กสายดีไซน์ ปูทางสู่มืออาชีพในระดับสากล

คณะศิลปกรรมศาสตร์และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปั้นเด็กสายดีไซน์สู่ความเป็นมืออาชีพที่เต็มไปด้วยทักษะความคิดสร้างสรรค์ ยืดหยุ่น และทัศนคติพร้อมรับทุกความท้าทาย

ผศ.ดร.ภาสิต ลีนิวา รองคณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ ดร.ปทิตตา นิรันพรพุทธา อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้อธิบายถึงแนวทางการเรียนต่อในคณะดังกล่าวไว้ตรงกันว่า นักศึกษาที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน ไม่ต้องกังวลว่าจะเรียนไม่ได้ ทุกคนจะต้องปรับพื้นฐานการเรียนในสายนี้ให้ตรงกันทั้งหมด ซึ่งมีวิชาพื้นฐานที่ต้องเรียนเหมือนกัน อย่างวิชา Drawing หรือพื้นฐานการวาดรูป เพื่อเรียนรู้เรื่องลายเส้น การจัดวางองค์ประกอบภาพให้ออกมาสวยงาม รวมถึงวิชาพื้นฐานอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการเรียนในระดับชั้นต่อไป โดยมุ่งเน้นการเรียนที่หลากหลายให้นักศึกษาได้เห็นภาพการทำงานในสายต่างๆ ได้ลองลงมือปฏิบัติและค้นหาแพสชัน เพื่อช่วยให้นักศึกษาตัดสินใจเลือกสาขาที่ตรงกับแพสชันของตัวเอง

ภัทรมาศ ศรีวิสุทธิกุล ศิษย์เก่า สาขาสถาปัตยกรรมภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เจ้าของสตูดิโอออกแบบภายใน "เบจ เวิร์คสเปซ (Beige Workspace)" และเจ้าของรางวัลชนะเลิศในหมวดการออกแบบบ้านตัวอย่าง จากการประกวดระดับนานาชาติ Asia Pacific Property Awards 2021-2022 กล่าวว่า ก่อนเข้าเรียนที่ ม.กรุงเทพ รู้ตัวในระดับหนึ่งว่าชอบเรื่องการวาดรูป แต่ไม่รู้ว่าคือความชอบหรือความถนัด ตอนนั้นก็มองหามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ จนมาพบกับ ม.กรุงเทพ ส่วนตัวรู้สึกว่าที่นี่ดูครอบคลุมทุกอย่างที่ต้องการ ส่วนบรรยากาศการเรียนก็ดีไม่ว่าจะเป็นอาคารเรียน เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง และอาจารย์ รวมถึงหลักสูตรค่อนข้างเปิดกว้างให้เลือกเรียนได้อย่างอิสระ

จุดนัดพบของแพสชันและศักยภาพ

ใบคะแนน "เกรดเอ" ทุกวิชา อาจไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่านักศึกษาจะสามารถทำงานได้ดีเมื่อก้าวเข้าสู่โลกการทำงานจริง ดังนั้นการเรียนการสอนของคณะศิลปกรรมศาสตร์และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.กรุงเทพ นอกจากจะให้ความรู้และช่วยให้นักศึกษาค้นพบแพสชันของตัวเองแล้ว การพัฒนาศักยภาพให้มีความเป็นมืออาชีพตั้งแต่ยังเรียนก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้ทุกคนในวงการให้การยอมรับ

อัครชัย ดีดพิณ ศิษย์เก่าคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปัจจุบันเป็นสไตลิสต์และช่างทำผมให้กับนิตยสาร VOGUE Thailand เคยผ่านการทำผมให้กับดาราฮอลลีวูด Tilda Swinton ในการถ่ายแบบนิตยสารแฟชั่นระดับโลก เล่าถึงสิ่งที่ได้รับจากการเรียนที่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.กรุงเทพ ว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนจนวันสุดท้าย ความรู้ที่ได้จากอาจารย์สามารถเอาไปใช้ในการทำงานระดับอินเตอร์ได้ทันที

"ตั้งแต่วันที่เรามีแค่แพสชัน แต่ไม่รู้ว่าเราจะเริ่มต้นจากตรงไหน อาจารย์ทุกท่านรวมถึงวิทยากรที่เป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์ระดับประเทศจะคอยแนะนำ ทำให้แพสชันของเราเด่นชัดขึ้นและไม่ใช่แค่ความรู้ ม.กรุงเทพ ไม่ได้สอนให้เราอยู่กับวิชาการ อยู่กับกระดานดำ แต่สอนไปถึงวิธีที่เราจะก้าวออกไปข้างนอกด้วยประสบการณ์และความมั่นใจ เราจึงไม่ได้เป็นแค่นักศึกษาแต่เราเรียนไปพร้อมกับการทำงานในโลกความเป็นจริง"

ผศ.ดร.เขมมิกา ธีรพงษ์ อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยเคล็ดลับในการดึงศักยภาพของนักศึกษาจากแพสชันที่พวกเขามี ให้กลายเป็นศิลปินหรือนักออกแบบที่มีประสบการณ์ในการทำงานตั้งแต่ก่อนเรียนจบว่า วิธีการสอนจะใช้การส่งผลงานเข้าประกวดเป็นส่วนหนึ่งในเรียนการสอน มีทั้งการประกวดที่เป็นความร่วมมือของคณะกับหน่วยงานภายนอก ซึ่งจะดึงให้คนในวงการอุตสาหกรรมเข้ามาตัดสิน คัดเลือกผลงาน ตัวนักศึกษาเองก็จะได้เจอโจทย์จริงที่ใกล้เคียงกับการทำงานจริง ได้คำแนะนำกลับมาพัฒนาตัวเอง

"การประกวดอีกประเภทคือ การประกวดแบบเปิด ที่ทางมหาวิทยาลัยสนับสนุนให้ส่งผลงานเข้าประกวด ซึ่งนักศึกษาของเราก็สามารถคว้ารางวัลกลับมาได้หลายรายการ การออกแบบควบคู่ไปกับทำงานจริง ช่วยทำให้นักศึกษาทุกคนได้ประสบการณ์ในการทำงาน ด้านการออกแบบอย่างมืออาชีพโดยไม่รู้ตัว"

คณะศิลปกรรมฯ - สถาปัตย์ฯ ม.กรุงเทพ ปั้นเด็กสายดีไซน์ ปูทางสู่มืออาชีพในระดับสากล

คิดนอกกรอบ สร้างสรรค์ เป็นมืออาชีพ 

ธณวรรธณ์ จันทร์ประทักษ์ ศิษย์เก่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่สามารถเปิดบริษัท สถาปนิก ดีเอ็นเอ จำกัด (Architect DNA) ได้ตั้งแต่เรียนจบ และมีลูกค้าเข้าใช้บริการมากกว่า 200 โครงการในเวลาเพียง 2 ปี กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการ หากเทียบน้องๆ ที่จบจาก ม.กรุงเทพ จะได้ในเรื่องของความเป็นครีเอทีฟที่โดดเด่น การคิดนอกกรอบ สามารถใช้โปรแกรมในการทำงานได้มากกว่า มีประสบการณ์ในการทำงานจริงมาก่อน จึงสามารถทำงานได้ทันที ซึ่งมองว่าประสบการณ์เป็นเรื่องสำคัญ การมีประสบการณ์จะทำให้เรามองเห็นความเป็นจริง และทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น

ปุณยวีร์ วิวรรธนชัยกุล ศิษย์เก่าคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยฝากผลงานการประกวดเอาไว้อย่างมากมาย และสามารถสร้างรายได้จากการขายผลงานภาพชุด Obey the System ที่ทำยอดขายภาพผ่าน NFT (Non-Fungible Token) แตะหลักแสน ได้ภายใน 5 วัน เล่าเสริมถึงจุดแข็งของเด็กศิลป์ ม.กรุงเทพว่า จากที่ได้พูดคุยกับอาจารย์ที่เป็นศิษย์เก่าคือ เราอาจจะไม่ได้เป็นสายแข็งที่สร้างผลงานศิลปะระดับเทพ แต่เรื่องวิธีคิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ เพื่อสร้างงานให้ออกมาได้ตรงใจลูกค้ามากกว่า และที่ ม.กรุงเทพ เปลียบเสมือนเครื่องขัดเกลาฝีมือให้ดีขึ้น ผลงานที่เหนือกว่าความสวยงามคือ ผลงานที่ลูกค้าเห็นแล้วต้องการ ซึ่งการลงมือทำงานคือการเรียนที่ดีที่สุด

"เด็กที่เรียนสถาปัตย์ฯ มักจะอดหลับอดนอน เพราะงานเยอะ มีรายละเอียดในการทำงานมากมายที่ต้องใส่ใจในการออกแบบ ถ้าต้องการเป็นสถาปนิกหรือ มัณฑนากร ที่สามารถออกแบบได้อย่างเชี่ยวชาญ มีความชำนาญในทุกขั้นตอน ก็ต้องฝึกซ้ำไปเรื่อยๆ จากที่ไม่มั่นใจในตัวเองก็จะเริ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้น การให้นักศึกษาได้รับโจทย์การทำงานจริงเยอะๆ จะทำให้พวกเขามีความเป็นมืออาชีพ ที่มีแพสชันของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม" 

คณะศิลปกรรมฯ - สถาปัตย์ฯ ม.กรุงเทพ ปั้นเด็กสายดีไซน์ ปูทางสู่มืออาชีพในระดับสากล

ใช้มืออาชีพ สร้างมืออาชีพ

ดร.ปทิตตา กล่าวทิ้งท้ายในส่วนของคณะศิลปกรรมศาสตร์ว่า สิ่งที่เราทำมาโดยตลอดและยังทำอยู่ นอกจากการเน้นให้นักศึกษาลงมือทำและส่งเข้าประกวดเพื่อให้พวกเขารู้จุดอ่อนของตัวเองเพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นคือ การเลือกอาจารย์ผู้สอนที่มีทั้งอาจารย์ประจำที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิเฉพาะด้านโดยตรง ในขณะเดียวกันยังมีอาจารย์พิเศษระดับมืออาชีพที่มีชื่อเสียงในวงการมานานมากกว่า 10 ปี นักศึกษาจะได้มีโอกาสเรียนรู้กับผู้สอนที่มีความหลากทางความคิด หลายองค์ความรู้ มีมุมมองที่แตกต่าง มีประสบการณ์ในการทำงาน และวิธีการแก้ปัญหาของมืออาชีพ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างมากในการทำงานจริง เพราะในโลกการทำงานจริงไม่มีอะไรเรียบง่าย ราบรื่น เหมือนกับการทำงานส่งอาจารย์ พวกเขาจะต้องไปเจอปัญหาหน้างาน ปัญหากับคนทำงานด้วยกัน ปัญหากับลูกค้า เป็นต้น

"สิ่งที่ได้รับจากอาจารย์พิเศษจะทำให้พวกเขาจะสามารถรับมือแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยความเป็นมืออาชีพในการทำงาน อีกทั้งยังสามารถปรับตัวทำงานได้ทุกตำแหน่งในสายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นฟรีแลนซ์ พนักงานบริษัท หรือออกไปเปิดธุรกิจสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา พวกเขาก็จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยากอย่างแน่นอน" ดร.ปทิตตา กล่าวทิ้งท้าย