นวัตกรรม Electrification สู่ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยั่งยืน

นวัตกรรม Electrification สู่ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยั่งยืน

นวัตกรรม Electrification ทางเลือกสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ ครอบคลุมระบบและเทคโนโลยีหลากหลายในการจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ดาต้าเซ็นเตอร์เติบโตอย่างยั่งยืน

ดาต้าเซ็นเตอร์ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจดิจิทัล ของประเทศไทย ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ความต้องการในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลผ่านคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการใช้เทคโนโลยี เช่น AI ส่งผลให้ดาต้าเซ็นเตอร์ขยายตัวทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ดาต้าเซ็นเตอร์เหล่านี้มีความต้องการพลังงานมหาศาล ซึ่งสร้างความท้าทายให้กับผู้ประกอบการ ทั้งในแง่ของต้นทุนที่สูงขึ้นและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การนำนวัตกรรม Electrification ประสิทธิภาพสูงมาใช้ในการจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาด จึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้ดาต้าเซ็นเตอร์เติบโตอย่างยั่งยืน

ความท้าทายด้านประสิทธิภาพพลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์

การใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปัญหาระดับโลก ทั้งในด้านต้นทุนของผู้ประกอบการฯ ด้วยต้นทุนพลังงานเป็นสัดส่วนสำคัญของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก

การใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์มาจากสองส่วนหลักคือ พลังงานที่จ่ายให้กับอุปกรณ์ไอที (เซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์เครือข่าย) และพลังงานในการควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น การทำความเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ร้อนเกินไป ดังนั้นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานจึงควรนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาปรับใช้ ตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไฟฟ้า การเลือกใช้อุปกรณ์ประกอบอาคารที่มีความทันสมัยและมีคุณภาพ ไปจนถึงระบบบริหารจัดการอาคารที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้หลากหลาย 

ด้วยที่ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในการเลือกใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่ง พลังงานสะอาด หรือ พลังงานหมุนเวียน ได้ทั้งหมด การปรับปรุงการใช้พลังงานที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดจึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา

นวัตกรรม Electrification สู่ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยั่งยืน

การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยนวัตกรรม Electrification

การนำ นวัตกรรม Electrification ขั้นสูงมาใช้เป็นทางเลือกสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานของ ดาต้าเซ็นเตอร์ นวัตกรรมนี้ครอบคลุมระบบและเทคโนโลยีหลากหลายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกระจาย การจัดการ การตรวจสอบการใช้พลังงานไฟฟ้าในดาต้าเซ็นเตอร์ ดังนี้

  • การนำแนวคิด Totally Integrated Power (TIP) มาใช้ : การบูรณาการทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายพลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ระบบไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติ ตลอดจนระบบดิจิทัลเข้าด้วยกัน เพื่อให้ระบบไฟฟ้าในทุกระดับแรงดันไฟฟ้าทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ใช้พลังงานในระดับที่เหมาะสมต่อความต้องการใช้งาน เพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านระบบไฟฟ้าของดาต้าเซ็นเตอร์โดยรวม
  • การจัดการพลังงานอัจฉริยะ : การทำให้ระบบที่ใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบ HVAC มอเตอร์ต่างๆ หรือ IT racks ทำงานอัตโนมัติด้วยการตรวจสอบข้อมูลการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ โดยระบบเหล่านี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกและรูปแบบการใช้พลังงานของอุปกรณ์ต่างๆ และช่วยระบุจุดที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ประกอบการ สามารถทำการตัดสินใจจากข้อมูล เพื่อปรับการทำงานให้เหมาะสมและลดต้นทุนการดำเนินงานได้ 
  • การผสานการใช้พลังงานหมุนเวียน : การผสมผสานการใช้พลังงานหมุนเวียนเช่นพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมร่วมกับพลังงานหลักของ ดาต้าเซ็นเตอร์ จะมีบทบาทสำคัญในการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ โซลูชันในการผสานการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ร่วมกับระบบการจัดเก็บพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ประกอบการฯสามารถเลือกและควบคุมสัดส่วนผสมของพลังงานจากหลายแหล่ง รวมถึงสามารถตรวจสอบการใช้พลังงาน ซึ่งจะช่วยยกระดับดาต้าเซ็นเตอร์สู่การดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้น 
  • การเพิ่มประสิทธิภาพระบบทำความเย็น : หนึ่งในแหล่งการใช้พลังงานที่ใหญ่ที่สุดในดาต้าเซ็นเตอร์คือระบบทำความเย็น โซลูชันในการจัดการการทำความเย็นที่ทำงานเฉพาะในจุดที่จำเป็นจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังงาน การจัดการระบบทำความเย็น White Space Cooling Optimization ที่ขับเคลื่อนโดย AI ใช้เครือข่ายเซ็นเซอร์ควบคุมหน่วยทำความเย็นเพื่อให้ความเย็นตรงกับโหลด IT แบบเรียลไทม์ วิธีการนี้ช่วยลดการใช้พลังงานอย่างมีนัยสำคัญ ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงาน ลดต้นทุน ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และสอดคล้องกับ thermal service level agreement 
  • การยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ด้วยการบำรุงรักษาอัจฉริยะ : นอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแล้ว โซลูชันพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ ยังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ผ่านการตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์ปฏิบัติการ (OT) แบบเรียลไทม์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งคาดการณ์การบำรุงรักษา ทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการหยุดปฎิบัติงานแบบไม่คาดคิดที่มีต้นทุนสูงและประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

นวัตกรรม Electrification สู่ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยั่งยืน

ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งอนาคตมุ่งสู่ความยั่งยืน 

ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้นวัตกรรม Electrification ขั้นสูงซึ่งปัจจุบันได้มีการผสานเทคโนโลยี AI, IoT และ Machine Learning นอกจากจะสามารถตอบสนองความต้องการในปัจจุบันแล้ว ยังช่วยผู้ประกอบการฯปรับตัวเข้ากับความต้องการของตลาดและกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลง และรับมือกับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต 

ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนโลกดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้น การตัดสินใจใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนความพยายามในการมุ่งสู่ความยั่งยืนของประเทศ 

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : การขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนของดาต้าเซ็นเตอร์ในยุค AI
Download whitepaper : Data Center - Leading with Sustainability