“อินโนบิก”ขายหุ้น“Adalvo”แยกกันโต คงฐานตลาดยาในไทย-อาเซียน
เป้าหมายการพัมนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ หรือ SDG ซึ่งมีทั้งหมด 17 ข้อ นั้น มีข้อหนึ่งระบุถึงการสร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมสวัสดิภาพสำหรับทุกคนในทุกวัย (Ensure healthy lives and promote well-being for all at all ages)
โดยสาระสำคัญส่วนหนึ่งข้อเป้าหมานด้านนี้ ว่าด้วย การสนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาวัคซีนและยาสำหรับโรคติดต่อและไม่ติดต่อที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศกำลังพัฒนา ให้มีการเข้าถึงยาและวัคซีนจำเป็นในราคาที่สามารถซื้อหาได้ ตามปฏิญญาโดฮาความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญยาที่เกี่ยวกับการค้าและการสาธารณสุข ซึ่งเน้นย้ำสิทธิสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่จะใช้บทบัญญัติในความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้าอย่างเต็มที่ในเรื่องการผ่อนปรนเพื่อจะปกป้องสุขภาพสาธารณะและโดยเฉพาะการเข้าถึงยาโดยถ้วนหน้า
จากเป้าหมายดังกล่าว สอดคล้องกับแผนการขับเคลื่อนธุรกิจเรือธงสำคัญของกลุ่มปตท.ที่กำหนดดำเนินธุรกิจยาและขับเคลื่อนธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต
ล่าสุด บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (บริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น100%) และ แอซทีค ฟาร์มา พาร์ทเนอร์ (Aztiq Pharma Partner : Aztiq) ลงนามสัญญาจำหน่ายหุ้น100% ใน บริษัท อดัลโว จำกัด (Adalvo Ltd. : Adalvo)ให้กับบริษัทในกลุ่มAztiqโดยเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก เพื่อต่อยอดธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในทวีปยุโรป การทำธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส1ปี2567
บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อปี2565ที่ผ่านมา อินโนบิกได้ร่วมกับAztiqเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท อัลโวเจน อีเมอร์จิง มาร์เก็ต โฮลดิ้ง จำกัด (Alvogen Emerging Markets Holdings Limited : AEMH)ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลัก (41%) ของบริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Lotus Pharmaceutical Company Limited : Lotus)จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน และถือหุ้น100% ของAdalvoเพื่อเป็นเรือธงสำคัญในการดำเนินธุรกิจยาและขับเคลื่อนธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต กลุ่ม ปตท.
โดยLotusเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจยาสามัญชั้นนำแบบมีนวัตกรรม ดำเนินธุรกิจยาแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การคิดค้น พัฒนา (R&D)การผลิต (Manufacturing)และการจัดจำหน่าย (Commercialization)ขณะที่Adalvoมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจยาแบบBusiness-to-Business (B2B)มุ่งเน้นการอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Out Licensing)และจัดจำหน่าย (Commercialization)ผลิตภัณฑ์ยาในทวีปยุโรป
การจำหน่ายหุ้นAdalvoในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนการทำธุรกิจ โดยอินโนบิกยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่Adalvoเน้นการทำธุรกิจในทวีปยุโรปเป็นหลัก และยังคงเป็นพันธมิตรที่ดีกับLotusจึงไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของLotusและอินโนบิกแต่อย่างใด
“ปัจจุบันราคาหุ้นLotusปรับตัวเพิ่มขึ้น3เท่า นับตั้งแต่อินโนบิกได้เข้าลงทุน ประกอบกับรายได้ของLotusที่ผ่านมาอยู่ในระดับดี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR)มากกว่า20% จากการขยายพอร์ตของตัวยาที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะยาที่มีมูลค่าตลาดสูงติดอันดับโลก อาทิ ยารักษาโรคมะเร็ง และเข้าตลาดอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
พร้อมทั้ง ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นทั่วโลก ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจยาระดับโลกหลายราย ขณะที่Adalvoเป็นบริษัทที่มีการเติบโตที่ดี มีมูลค่าของกิจการประมาณ300ล้านดอลลาร์
“เป็นโอกาสดีที่อินโนบิกจะนำเงินลงทุนที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นครั้งนี้ มาขยายการลงทุนและต่อยอดการเติบโต ตามยุทธศาสตร์ของบริษัทต่อไป รวมถึงเพิ่มโอกาสการลงทุนในธุรกิจด้านอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับสถานการณ์และเทคโนโลยีโลก สร้างความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขของประเทศไทยและภูมิภาค”