อีเวนต์ กับ 'ความยั่งยืน' ปรับการบริโภค ลดคาร์บอนฟุตพรินต์

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เผยข้อมูลของสมาคมศูนย์ประชุมนานาชาติ (IACC) โดยระบุว่า การประชุมและงานอีเวนต์ได้รับการจัดอันดับเป็นภาคอุตสาหกรรมที่สร้างขยะมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกาตามหลังอุตสาหกรรมก่อสร้าง เนื่องจากอุตสาหกรรมการประชุมและงานอีเวนต์สามารถก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมด้วยขยะหลายรูปแบบ อาทิ เศษอาหาร ภาชนะพลาสติกและอื่นๆ

 

แต่ในอีกมุมหนึ่ง  อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ก็เป็นธุรกิจบริการที่มีความสำคัญต่อประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตขึ้น จากผลการสำรวจของ “ทีเส็บ” ในปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้ประกอบการไมซ์ 650 รายทั่วโลก ยกให้ประเทศไทยเป็นที่หนึ่งในใจ (Top of Mind) เมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ 14 ประเทศทั่วเอเชีย ตามด้วยญี่ปุน และสิงคโปร์

 

จุดเด่นของประเทศไทย คือ ความคุ้มค่าของการใช้จ่าย ความมีเอกลักษณ์ ความพร้อมในการรองรับนักเดินทาง และภาพลักษณ์ที่เป็นที่ยอมรับ ตลาดไมซ์ของไทย ในปี 2566 มีนักเดินทางไมซ์ในประเทศกว่า 16.5 ล้านคน คิดเป็น 95% ของนักเดินทางไมซ์โดยรวมทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้ประมาณ 50,000 ล้านบาท

 

สิ้นปีงบประมาณ 2567 ทีเส็บตั้งเป้าว่า ประเทศไทย จะมีนักเดินทางไมซ์ รวมทั้งสิ้น 23.2 ล้านคน ทำรายได้ 1.4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 9.6 แสนคน รายได้ 6.3 หมื่นล้านบาท และตลาดในประเทศ 22.2 ล้านคน รายได้ 7.3 หมื่นล้านบาท

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

• 'ทีเส็บ' ผนึก 4 สมาคม ปั้น 'เฟสติวัล อีโคโนมี' ดันงานเทศกาลไทยสู่เวทีโลก
• สร้างสรรค์ธุรกิจ MICE ให้รักษ์โลกด้วย BCG Model ได้อย่างไร?

 

“MICE” คืออะไร

“MICE” มาจากการรวมความหมายของหลากหลายคำ มาประกอบกัน เพื่อให้เกิดภาพรวมกลายเป็นอุตสาหกรรมไมซ์ ได้แก่

• M = Meetings การประชุมสัมมนาระดับองค์กร หรือศึกษาดูงานทั้งระดับกลุ่มบุคคลมาจากองค์กรเดียวกันหรือต่างองค์กร โดยจะเป็นการประชุมเฉพาะกิจหรือมีการวางแผนล่วงหน้า
• I = Incentives การจัดการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลแก่พนักงานหรือบุคคลที่ปฏิบัติงานได้ตามเป้าหมายขององค์กร
• C = Conventions การประชุมสมาคมวิชาชีพของสมาคมวิชาชีพเดียวกันหรือแตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการจัดประชุมระดับประเทศ ระดับภูมิภาค ไปจนถึงระดับนานาชาติ จัดโดย องค์กรสมาคมระดับชาติหรือรัฐบาล
• E = Exhibitions คือ การจัดงานแสดงสินค้าเพื่อกลุ่มเป้าหมายแต่ละอุตสาหกรรมและธุรกิจ โดยอาจจะเป็นการแสดงสินค้าระหว่างคนทำธุรกิจด้วยกัน (Business – to - Business (B2B)) หรือ เปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้ (Business – to – Consumer (B2C)) โดยมีการจัดงานแสดงสินค้าระหว่างผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และผู้ประกอบการที่ควบคู่ไปกับผู้บริโภค

 

การจัดเลี้ยงยั่งยืน ลดผลกระทบจาก "อาหาร"

ทั้งนี้ การทำธุรกิจในปัจจุบันที่ต้องใส่ใจในเรื่อง “ความยั่งยืน” ซึ่งไม่เพียงแค่การดำเนินธุรกิจ แต่ยังรวมถึงการจัดประชุมอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งในฐานะผู้จัดงาน หรือเจ้าของสถานที่ จึงไม่อาจละเลยที่จะตอบโจทย์ภาคธุรกิจในเรื่องนี้

 

ล่าสุด เมอเวนพิค กรุงเทพ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท มุ่งบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งมีกลยุทธ์ความยั่งยืนที่สอดคล้องกับ Accor ในปี 2024 ทั้งการจัดหาวัสดุอย่างพิถีพิถัน ลดการสร้างของเสีย และสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น เพื่อที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ของ “การจัดการด้านที่พักอย่างยั่งยืน”

 

ชู บีดีเอสเอ็ม คอนเน็ค เซนเตอร์ อาคารสำหรับการจัดประชุม พร้อมกำหนดนิยามใหม่ของการจัดงานเลี้ยงและอีเวนต์ต่างๆ อย่างใส่ใจและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการออกแบบ และบริการที่มุ่งไปสู่ความยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

 

อีกทั้ง ยังร่วมมือกับ Klimanto เปิดตัว ฉลากคาร์บอน สำหรับทุกเมนูอาหารภายในรีสอร์ต และพร้อมมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารควบคู่่ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกรับประทานเมนูต่างๆ โดยจะอธิบายระดับการปล่อยคาร์บอนเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ต่ำ ปานกลาง หรือสูง

 

ซึ่ง Klimanto ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลสภาพภูมิอากาศที่ได้มาจากการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ มาคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอาหารแต่ละมื้อ และอธิบายถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการสร้างสรรค์เมนูอาหารทุกครั้ง

 

นอกจากนี้ ทางรีสอร์ทได้ร่วมมือกับ Humane Society International เพื่อเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์การทำอาหาร รวมถึงการฝึกอบรมและการสนับสนุนการทำอาหาร plant-based ความร่วมมือครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ เมอเวนพิค กรุงเทพ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท ที่ส่งเสริมทางเลือกในการรับประทานอาหาร plant-based และเมนูอาหารที่ยั่งยืน ซึ่งในการฝึกอบรบนี้เชฟจะได้รับคำแนะนำที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการผสมผสานส่วนผสม plant-based ลงในสูตรอาหาร พร้อมการตกแต่งอย่างสวยงาม ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อโลกในเชิงลบ

 

 

เสริมทักษะ “เชฟ” ครีเอตอาหารจากพืช

ก๊าซเรือนกระจกของโลก 1 ใน 3 มาจากระบบอาหารทั่วโลก อาหารที่มาจากเนื้อสัตว์ นมไข่ สร้างก๊าซเรือนกระจกราว 16.5% เทียบเท่ากับก๊าซเรือนกระจกที่มาจากภาคคมนาคม

 

“จันจรี เชียรวิชัย” ผู้จัดการนโยบายอาหารภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสมาคมมนุษยธรรมนานาชาติ (Humane Society International) กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ สร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ สวัสดิภาพของสัตว์ หากเราสามารถลดการบริโภคที่มาจากเนื้อสัตว์ นม และไข นั้นหมายถึงเราสร้างผลกระทบที่สำคัญต่อความยั่งยืนในภาพรวมได้

 

ขอบข่ายในการทำงานร่วมกับ เมอเวนพิค กรุงเทพ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท นั้น หน้าที่ของ Humane Society เกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายด้านความยั่งยืน โครงการอาหารจากพืช (PLANT-BASED SOLUTION) ของ Humane Society มีขึ้นเพื่อลดการจัดซื้อผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อนมไขลงอย่างน้อย 20% และช่วยหน่วยงาน องค์กร หน่วยงาน ในการปรับเมนูอาหารจากเนื้อสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนม เป็นอาหารจากพืช โดยมอบทักษะแก่เชฟในการประกอบอาหารจากพืช ทำอย่างไรน่าดึงดูด เป็นอาหารมังสวิรัติที่มีเสน่ห์ อร่อย และลูกค้าสนใจ

 

“เมื่อเชฟมีทักษะการประกอบอาหารจากพืชแล้ว คาดหวังให้ทางเชฟสามารถประกอบอาหารจากพืช และพลิกแพลงเมนูเองได้ นอกจากสอนการทำอาหาร ยังสอนการประชาสัมพันธ์ การตั้งชื่ออาหารให้น่าสนใจ และช่วยประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการลดเนื้อ นม ไข่ ก๊าซเรือนกระจกที่ลดลง ไม่ปลดปล่อยทางชั้นบรรยากาศ น้ำ และพื้นที่ทำกินที่สามารถประหยัดได้ และจำนวนชีวิตสัตว์ที่สามารถช่วยได้ ขณะเดียวกัน ปัจจุบัน คนเป็นโรคอ้วนมากขึ้น การบริโภคผักดีต่อสุขภาพ และมีผลดีต่อโลก ต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้โลกร้อนช้าลง”

 

 

โลกร้อน ไม่ใช่เรื่องไกลตัว

นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท เผยว่า เมื่อพูดเรื่อง “ความยั่งยืน” บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว 1.5 องศา จะสำคัญแค่ไหน เกิดผลกระทบมากหรือไม่ แต่ความจริงภาวะโลกร้อนส่งผลต่อมนุษย์ และโลกใบนี้ สังเกตได้ว่าหน้าร้อนจะร้อนกว่าปกติ หลายประเทศทั่วโลกเกิดภัยธรรมชาติ ผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

ขณะเดียวกัน การบริโภคเนื้อสัตว์เป็นอีกหนึ่งสาเหตุการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การทานเนื้อสัตว์น้อยลงได้ประโยชน์ เราทานเนื้อวัว 1 กิโลกรัม เราใช้น้ำเลี้ยงวัวกว่า 1.5 หมื่นลิตร เทียบกับมะเขือเทศ 1 กิโลกรัม ใช้น้ำ 287 ลิตร ถัดมา คือ ทานเนื้อวัว 1 กิโลกรัม ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 60 ยูนิต หากทานข้าวโพด 1 กิโลกรัม ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 1 ยูนิต แปลว่าทานผักกับทานเนื้อวัว ทำให้โลกร้อนต่างกัน 60 เท่า

 

ข้อมูลจาก International Agency for Research on Cancer (IARC) องค์กรวิจัยเรื่องมะเร็งของ WHO เผยว่า สิ่งที่ทำให้ก่อมะเร็งเสี่ยงสูง กลุ่มแรก ได้แก่ พลูโตเนียม บุหรี่ สารหนู และเนื้อสัตว์แปรรูป กลุ่มที่ 2 มีความเสี่ยงสูงรองลงมา คือ เนื้อแดง ไม่ว่าจะเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อหมู ไม่ควรทานเกินวันละ 1 ขีด เนื้อแดงต้องกินให้น้อยที่สุด และแนะนำให้ทาน "ปลา" หากทานมังสวิรัติไม่ได้ แนะนำให้ทางสายกลาง คือ Flexitarian ทานผักเป็นส่วนใหญ่ และทานเนื้อสัตว์บ้าง

 

สำหรับ บีดีเอ็มเอส คอนเน็ค เซนเตอร์ ออกแบบโดยใช้พรมทอจากขวดน้ำพลาสติกรีไซเคิลมากกว่า 1.22 แสนขวด ระบบน้ำในห้องน้ำไหลแรงแต่เป็นละออง เพื่อให้ประหยัดน้ำได้กว่า 40-50% อากาศกรอง PM2.5 ดังนั้น การที่ในพื้นที่มีทั้ง บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท จะต้องรักสุขภาพ และรักสิ่งแวดล้อมทุกจุด ระยะยาวช่วยโลก รวมถึงอาหารไม่ว่าจะเป็น PLANT-BASED ข้าวที่ใช้จากนาข้าวเกษตรอินทรีย์ที่สนามบินสุโขทัย ปลูกในพื้นที่ของบางกอกแอร์เวย์ ปลอดภัยไร้สารเคมี

 

 

โรงแรม มุ่งสู่ ESG

รูเบล มียาห์, ผู้จัดการทั่วไป เมอเวนพิค กรุงเทพ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท กล่าวว่า ทีมของเราและพาร์ตเนอร์ ต่างทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาบริการการจัดงานประชุม งานเลี้ยง และงานสัมมนาแบบองค์รวมและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เราพร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการประชุมและการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อมุ่งเน้นการสนับสนุนลูกค้าให้บรรลุเป้าหมายของ ESG

 

ซึ่งหนึ่งในแผนงานที่กำลังมุ่งเน้นและให้ความสำคัญ คือ การควบคุมระดับปล่อยก๊าซคาร์บอนให้อยู่ในระดับต่ำ เมื่อจัดงานโดย บีดีเอ็มเอส คอนเน็กต์ เซนเตอร์ ผ่านการให้บริการ เมนู plant-based และการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับเมนูอาหารต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถอนุรักษ์โลกและปลูกฝังอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับทุกคนได้ต่อไป

 

“ลูกค้าที่มาจัดงานประชุมที่ บีดีเอ็มเอส คอนเน็กต์ เซนเตอร์ จะได้รับบริการที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกในการลดคาร์บอนฟุตพรินต์ที่เกิดจากการดำเนินงานได้ คือ ไม่ได้สอนลูกค้า แต่นำเสนอชุดความรู้ให้ลูกค้าว่าเขาสามารถรู้ว่าคาร์บอนฟุตพรินต์จากการจัดสัมนามีจำนวนเท่าไร มีเมนูที่สามารถบอกได้ว่าสร้างคาร์บอนฟิตพรินต์เท่าไร ถัดมา คือ มี Humane Society International ที่เป็นพาร์ตเนอร์ ในการช่วยให้องค์ความรู้กับพนักงาน ในการทำเมนอร่อย ดีต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสุดท้าย อาคารถูกสร้างมาด้วยแนวคิดด้านความยั่งยืนตั้งแต่เริ่มต้น พรมทำจากวัสดุรีไซเคิล 60% และมีแผงโซลาร์เซลล์ที่สามารถให้พลังงานกว่า 28% ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมด รวมถึง การลดสวม Chair Cover ที่เก้าอี้ เพื่อลดการใช้สารเคมีในกระบวนการซัก”

 

ด้าน จอห์น ทิมสัน รองประธานฝ่ายความยั่งยืนและความปลอดภัย – Accor Hotels เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น และเกาหลี แชร์มุมมองว่า ปัจจุบันในธุรกิจโรงแรมมีการตระหนักรู้ และจริงจังในด้านการจัดซื้อ จัดทำอาหาร โดยลดผลกระทบต่อโลก สำหรับ AccorHotels มีการดำเนินการ 3 เรื่องสำคัญ คือ เพิ่มเมนู Vegetarian ทำจากพืช 25% ของเมนูทั้งหมด ถัดมา คือ การจัดซื้อจัดหาสินค้าจากท้องถิ่นและตามฤดูกาลให้กับลูกค้า และการงดผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์ที่มาจากตระกูลใกล้สูญพันธุ์

 

“อย่างไรก็ตามงานด้านความยั่งยืนต้องใช้ระยะเวลา การลดคาร์บอนต้องทำงาน 3 เรื่องหลัก คือ ความรู้ ข้อมูลวัดผลที่ถูกต้องเพื่อให้นำมาวิเคราะห์เพื่อปฏิบัติงานเพิ่มเติม ถัดมา คือ การทำความเข้าใจต่อผู้คนที่ปฏิบัติงาน ว่าทุกสิ่งที่เราทำจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อพวกเขาและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา และทุกๆ การตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจของ Accor ย่อมต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก รวมถึงต้องทำความเข้าใจต่อพาร์ตเนอร์ของโรงแรมเพื่อบรรลุเป้าหมายให้ได้”

 

สำหรับ บีดีเอ็มเอส คอนเน็ค เซนเตอร์ เป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและการจัดงานในกรุงเทพฯ ที่มุ่งสู่ความยั่งยืน โดยมีพื้นที่กว่า 3,400 ตารางเมตร เป้าหมายในการ เชื่อมโยงโมเดลธุรกิจ MICE ให้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้ที่ได้มาเยือน โดยมีกิจกรรมตั้งแต่การฝึกโยคะไปจนถึงสำหรับการทำสมาธิฟื้นฟูและพัฒนาจิตใจ พร้อมยังสามารถจัดงานเลี้ยงที่ดีต่อสุขภาพ สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการจัดงานที่ยั่งยืนต่อไป

 

 

เคล็ดลับ ลดขยะอาหารในงานอีเวนต์

ข้อมูลจาก เว็บไซต์ Mice Capabilities แนะนำเคล็ด (ไม่) ลับ ลดขยะอาหารในงานอีเวนต์ ในมุมของผู้จัดงาน ดังนี้

• ผู้จัดงานและสถานที่จัดงาน สร้างความมั่นใจว่าเป้าหมายและความสำคัญของการป้องกันขยะอาหารเป็นที่รับทราบอย่างดีและสร้างข้อตกลงความร่วมมือในการลดขยะอาหารให้เป็นระเบียบแบบแผน
• เลือกสถานที่จัดงานและผู้ให้บริการด้านอาหารที่เหมาะสมมีความพร้อมให้การสนับสนุนและเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายการเปลี่ยนขยะอาหารเหลือศูนย์
• ติดต่อองค์กรรับบริจาคอาหารเพื่อรับทราบข้อก าหนดมาตรฐานในการบริจาคอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ เช่น มูลนิธิรักษ์อาหาร
• สื่อสารกับผู้เข้าร่วมงานสอบถามจำนวนผู้ยืนยันการเข้าร่วมงานและข้อมูลความต้องการอาหารพิเศษ รวมถึงกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมงานเข้าใจถึงเป้าหมายการลดขยะอาหารโดยสื่อสารผ่านช่องทางการลงทะเบียนหรือทางโซเชียลมีเดีย
• ฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจถึงความสำคัญของการจัดการกับขยะอาหารและเตรียมความพร้อมด้านการสื่อสารกับผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์
• เผยความสำเร็จโดยการแชร์ผลสำเร็จผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย จดหมายข่าว เป็นต้น