อินทรี อีโคไซเคิล เปลี่ยนของกลางละเมิดลิขสิทธิ์เป็นพลังงานสะอาด
อินทรี อีโคไซเคิล ได้รับความไว้วางใจจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว โดยใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงานความร้อนกลับมาใช้ใหม่ได้ ลดผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนและสิ่งแวดล้อม
บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ได้รับความไว้วางใจจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้ดำเนินการจัดการ “ทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว” ครอบคลุมตั้งแต่ การรับมอบ ขนย้าย ทำลาย รวมทั้งดำเนินการจัดพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
โดยการทำลายของกลางดำเนินการที่จังหวัดสระบุรีและชลบุรี ส่วนพิธีทำลายของกลางจัดขึ้นที่ ณ กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 7 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธี
“บรูโน ฟ๊อกซ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด กล่าวว่า อินทรี อีโคไซเคิลมุ่งให้บริการด้านการจัดการของเสียและการบริการภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน โดยมีความเชี่ยวชาญในการเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงานความร้อนกลับมาใช้ใหม่ หรือเชื้อเพลิงทดแทน (Energy Recovery) เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและเอกชนต่อเนื่องในการให้บริหารการจัดการของเสียที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“เป็นอีกครั้งที่เราได้รับความไว้วางใจจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งครั้งนี้เป็นปีที่ 5 โดยการจัดการทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ครอบคลุมตั้งแต่การขนย้ายไปจนถึงการทำลายให้สิ้นสภาพถือเป็นความรับผิดชอบที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเรามีกระบวนการทำลายที่รัดกุม”
สำหรับขั้นตอนการทำลายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามีดังนี้
- รถบรรทุกที่มีระบบติดตาม GPS และซีลนิรภัยจะทำการขนย้ายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาไปยังสถานที่ทำลาย
- ของกลางจะถูกคัดแยกและบดย่อยให้สิ้นสภาพ
- นำไปเผาร่วมกับเชื้อเพลิงหลักในเตาเผาปูนซีเมนต์ที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,800 องศาเซลเซียส
- เทคโนโลยีของอินทรี อีโคไซเคิลจะทำให้สามารถนำพลังงานความร้อนกลับมาใช้ใหม่ได้ พร้อมช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนและสิ่งแวดล้อม
กระบวนการนี้จะไม่มีขยะไปสู่หลุมฝังกลบ (Zero Waste to Landfill) ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดได้รับการตรวจสอบโดยระบบวงจรปิด โดยใช้เทคโนโลยี RFID เพื่อติดตามรถบรรทุกทั้งหมดภายในโรงงาน ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและการควบคุมในระดับสูงสุด