'โปรตีนทางเลือก' กุญแจสำคัญในการลด PM2.5 -ป้องกันการเสียชีวิตกว่าแสนราย

การเผาเพื่อการเกษตรอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรกว่า 34,000 รายต่อปี ในไทย และหากอุตสาหกรรมปศุสัตว์เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ ยอดผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 361,000 ราย
KEY
POINTS
- ลดการผลิตเนื้อสัตว์ เพื่อลดมลพิษ PM2.5 และปกป้องสุขภาพประชาชน
- การเผาตอซังพืชในช่วงฤ
การเผาเพื่อการเกษตรอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรกว่า 34,000 รายต่อปี ในไทย และหากอุตสาหกรรมปศุสัตว์เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ ยอดผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 361,000 รายภายในปี พ.ศ. 2593 แต่หากประเทศไทยหันมาสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีนมากขึ้น ก็อาจลดอัตราการเสียชีวิตจากมลพิษ PM2.5 ได้มากกว่า 100,000 ราย
วิชญะภัทร์ ภิรมย์ศานต์ ผู้อำนวยการ Madre Brava กล่าวว่า ปศุสัตว์ใช้ทรัพยากรที่ไม่สมดุลกับผลผลิต อุตสาหกรรมปศุสัตว์ใช้พื้นที่เกษตรกรรมทั่วโลกถึง 77% แต่กลับผลิตพลังงานอาหารให้มนุษย์เพียง 18% ในขณะที่พืชใช้พื้นที่เพียง 23% แต่ให้พลังงานถึง 82% ของที่เราบริโภค นอกจากนี้ แหล่งโปรตีนของมนุษย์ยังมาจากพืช 63% ขณะที่เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมให้เพียง 37%
ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับภาคปศุสัตว์ยังรวมถึงการเผาตอซังพืช ซึ่งเป็นแหล่งมลพิษทางอากาศที่สำคัญ 35% ของการเผาตอซังทั่วโลกมาจากการเพาะปลูกข้าวโพด เป็นพืชอาหารหลักของปศุสัตว์ การเติบโตของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และอาหารทะเลระหว่างปี พ.ศ. 2563 - 2593 ตามแนวโน้มปัจจุบัน อาจนำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจาก PM2.5 เพิ่มขึ้นถึง 360,927 คนจากปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่สมดุลในการใช้ทรัพยากรของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ และอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการผลิตและบริโภคอาหารให้ยั่งยืนมากขึ้น
ลดการผลิตเนื้อสัตว์ เพื่อลดมลพิษ PM2.5 และปกป้องสุขภาพประชาชน
ความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และอาหารทะเลกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ซึ่งเป็นภัยต่อสุขภาพของประชาชนไทย หนึ่งในแหล่งกำเนิดสำคัญของมลพิษนี้คือ การเผาตอซังข้าวโพด ที่ปลูกเพื่อเป็นอาหารสัตว์
ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมปศุสัตว์มีความต้องการข้าวโพดจำนวนมากเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบหลักในอาหารสัตว์ ส่งผลให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพด และเมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยว มีการเผาตอซังข้าวโพดเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกรอบใหม่
การเผานี้ปล่อยฝุ่น PM2.5 ออกสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณมหาศาล ทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง โดยมีรายงานว่า การเผาตอซังข้าวโพดทำให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึงปีละ 12,000 ราย ในช่วงปี พ.ศ. 2563 - 2593 ซึ่งตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจักรยานยนต์ในประเทศไทย
แนวทางแก้ไขปัญหานี้ คือการลดการบริโภคเนื้อสัตว์และหันมาใช้โปรตีนจากพืชให้ได้ 50% ภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งจะช่วยลดความต้องการข้าวโพดที่ใช้ในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ เมื่อความต้องการลดลง การเพาะปลูกข้าวโพดก็จะลดลงตามมา และนำไปสู่การลดลงของการเผาตอซัง ส่งผลให้ปริมาณฝุ่น PM2.5 ลดลง ซึ่งจะช่วย ลดจำนวนผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้มากกว่า 100,000 ราย
แนวโน้มการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ ไม่เพียงช่วยลดมลพิษทางอากาศ แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน และปกป้องสุขภาพของประชาชนในระยะยาว การลดการผลิตเนื้อสัตว์จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน แต่เป็นการปรับสมดุลระหว่างมนุษย์ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของคนทั้งประเทศ
การเผาตอซังพืชในช่วงฤดูแล้ง
การเผาตอซังพืชในช่วงฤดูแล้ง (ธ.ค. - เม.ย.) เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีภูมิประเทศเป็นหุบเขา ซึ่งทำให้อากาศไหลเวียนไม่ดี ฝุ่นละอองจึงสะสมอยู่ในอากาศได้นาน นอกจากนี้ ไฟจากการเผาตอซังยังอาจลุกลามไปสู่พื้นที่ป่า และการเผาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ PM 2.5 ลอยข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศไทย
แม้จะมีความพยายามในการควบคุมและจำกัดการเผาตอซังพืช แต่มลพิษ PM2.5 ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ไขได้ยากรายงานฉบับนี้เสนอแนวทางแก้ปัญหาด้วยการ ลดความต้องการอาหารสัตว์ และเพิ่มการใช้โปรตีนจากพืช ซึ่งจะช่วยลดการเพาะปลูกข้าวโพดที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ ลดการเผาตอซัง และส่งผลให้ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากมลพิษ PM 2.5 ได้มากกว่า 100,000 รายภายในปี พ.ศ. 2593
หากประเทศไทยสามารถเพิ่มสัดส่วนโปรตีนจากพืชเป็น 50% ทั้งเพื่อการบริโภคในประเทศและการส่งออก จะเกิดประโยชน์ทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่าแนวทางนี้จะช่วยให้
- ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 35.5 ล้านเมตริกตันต่อปี
- สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท
- เพิ่มโอกาสการจ้างงานกว่า 1.15 ล้านตำแหน่ง
ข้อเสนอเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
Madre Brava แนะนำให้ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการบริโภคอาหารที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพ ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น
- ให้สิทธิประโยชน์ทางการเงิน เพื่อลดต้นทุนและทำให้ผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- นำเมนูอาหารจากพืชมาใช้ในงานและการประชุมของภาครัฐ โรงเรียน และโรงพยาบาล เพื่อเป็นแบบอย่างให้ประชาชนหันมาบริโภคโปรตีนจากพืชมากขึ้น
การเพิ่มการบริโภคโปรตีนจากพืชไม่เพียงช่วยลดฝุ่น PM2.5 แต่ยังช่วยสร้างสังคมที่ยั่งยืนขึ้น ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในระยะยาว นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระบบอาหารของไทยให้เป็นมิตรกับทั้งคนและโลกมากขึ้น
ลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อีกหนึ่งทางออกสู่การลดฝุ่น PM2.5
การเผาตอซังข้าวโพด ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ แม้ว่าจะมีกฎหมายห้ามเผา แต่การบังคับใช้ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ทำให้การเผาตอซังยังคงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้เชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงเผชิญกับวิกฤตมลพิษทางอากาศรุนแรง จนบางช่วงค่าฝุ่น PM2.5 สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
ที่ผ่านมา มีความพยายามใช้มาตรการ Zero Burning หรือการห้ามเผาอย่างเด็ดขาด แต่แนวทางนี้ยังไม่สามารถยุติปัญหาได้ และในบางกรณี กลับทำให้เกิดการลักลอบเผามากขึ้น
แนวทางแก้ปัญหา การเพิ่มโปรตีนจากพืช ลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
รายงานฉบับนี้เสนอว่า หนึ่งในแนวทางแก้ปัญหาที่ได้ผล คือ ลดความต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยสนับสนุนการบริโภคโปรตีนจากพืชให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพด และลดปัญหาการเผาตอซังในระยะยาว
บทบาทของภาคธุรกิจในการผลักดันการเปลี่ยนแปลง
นอกจากภาครัฐแล้ว ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ ผู้ค้าปลีกและธุรกิจบริการอาหาร ก็มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมโปรตีนจากพืช ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น
- ลดราคาผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช ให้สามารถแข่งขันกับโปรตีนจากสัตว์
- จัดวางผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชให้โดดเด่น ในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหาร
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพ ของโปรตีนจากพืช
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ ผู้ผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลลงทุนในการวิจัยและพัฒนาโปรตีนทางเลือก ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและราคาเข้าถึงได้ง่าย เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน และลดมลพิษจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในระยะยาว
การเปลี่ยนแปลงนี้ให้ประโยชน์อย่างไร?
การสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีนในประเทศไทย ไม่เพียงช่วยลดฝุ่น PM2.5 แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการ
- พัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
- สร้างงานและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร
- ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ
หากประเทศไทยสามารถเพิ่มโปรตีนจากพืชเป็น 50% ได้สำเร็จ จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทั้งต่อสุขภาพของประชาชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม