ทายาทธุรกิจ ‘บัฟเฟตต์’ ถูกตั้งคำถาม บริหาร Berkshire รอดหรือไม่?!

ทายาทธุรกิจ ‘บัฟเฟตต์’ ถูกตั้งคำถาม บริหาร Berkshire รอดหรือไม่?!

แม้ “เกร็ก เอเบล” ทายาทธุรกิจของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” วัย 92 ปี ซึ่งบริหารอาณาจักร Berkshire Hathaway อันยิ่งใหญ่ จนเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นได้อยู่บ้าง แต่ยังคงมีบางส่วนตั้งคำถามว่าเขาจะบริหาร Berkshire ให้อยู่รอดในระยะยาวได้หรือไม่

เมื่อปี 2564 วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนอเมริกันระดับตำนาน วัย 92 ปี ผู้เป็นประธานบริหาร (ซีอีโอ) บริษัท Berkshire Hathaway ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่สร้างการเติบโตบริษัทผ่านการนำเงินนักลงทุนไปลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ได้ประกาศตั้งทายาททางธุรกิจขึ้น ที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากบัฟเฟตต์ ชื่อทายาทตัวเต็งอันดับ 1 นี้คือ เกร็ก เอเบล (Greg Abel) และอันดับ 2 คือ อาจิท เจน (Ajit Jain)

 

ทายาทธุรกิจ ‘บัฟเฟตต์’ ถูกตั้งคำถาม บริหาร Berkshire รอดหรือไม่?!

- เกร็ก เอเบล ว่าที่ประธานบริษัท Berkshire Hathaway ต่อจากบัฟเฟตต์ (เครดิต: Bloomberg) -

 

ดังนั้น จึงน่าสนใจว่าเอเบลผู้นี้คือใคร และหากเขาได้รับไม้ต่ออย่างเป็นทางการจากบัฟเฟตต์ ตัวเขาและอาณาจักร Berkshire Hathaway อาจเผชิญความท้าทายอะไรบ้างในอนาคต

 

  • บัฟเฟตต์ชมสไตล์การทำงานของ “เอเบล”

เอเบล เป็นรองประธาน Berkshire Hathaway ฝ่ายกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่ประกัน และเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้เดินทางร่วมกับบัฟเฟตต์ไปประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่บริษัท Berkshire ลงทุนจำนวนมาก

บัฟเฟตต์ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว CNBC เป็นเวลา 3 ชั่วโมง โดยกล่าวชื่นชมเอเบลว่า รับผิดชอบในงานส่วนใหญ่ของบริษัท และทำได้ดี โดยเขารู้ตั้งแต่ส่วนเล็ก ๆ อย่างเรื่องตัวบุคคล ไปจนถึงภาพรวมของธุรกิจ

 

ทายาทธุรกิจ ‘บัฟเฟตต์’ ถูกตั้งคำถาม บริหาร Berkshire รอดหรือไม่?!

- วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานบริษัท Berkshire Hathaway คนปัจจุบัน (เครดิต: AFP) -

 

ปัจจุบัน เอเบลทำหน้าที่คอยดูแลส่วนธุรกิจของอาณาจักร Berkshire เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะด้านพลังงาน ทางรถไฟ และค้าปลีก

บัฟเฟตต์ชี้แจงว่า กระแสข่าวที่มองว่าเอเบล และอาจิท เจนแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งประธาน Berkshire นั้นไม่จริง โดยบัฟเฟตต์กล่าวว่า “อาจิทไม่เคยต้องการบริหาร Berkshire”

เมื่อช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เอเบลได้เข้าซื้อหุ้นจำนวนมากของบริษัท Berkshire ด้วยสินทรัพย์ส่วนตัวของเขา ทำให้เขามีสัดส่วนในบริษัท Berkshire สูงถึง 105 ล้านดอลลาร์ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ ด้วย

บิล สโตน (Bill Stone) เจ้าหน้าที่หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของบริษัท Glenview Trust และเป็นผู้ถือหุ้น Berkshire มองว่า การเข้าซื้อหุ้นจำนวนมากของเอเบลนี้ เสมือนว่าเขาเป็นทั้งผู้บริหารและเจ้าของในหนึ่งเดียว ช่วยสร้างมุมมองอันสดใสต่ออนาคต Berkshire

 

  • ทิศทางลงทุนพลังงาน ถูกตั้งคำถาม

“เอเบล” เป็นที่กล่าวขานในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมพลังงาน โดย Berkshire เคยเข้าซื้อบริษัท MidAmerican Energy ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานในรัฐไอโอวาเมื่อปี 2542 และขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัท MidAmerican Energy ในปี 2551

6 ปีต่อมาหรือในปี 2557 บริษัทนี้ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Berkshire Hathaway Energy แทน
และเมื่อปีที่ผ่านมา Berkshire เสนอเรื่องการใช้งบประมาณบริษัท เกือบ 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างแหล่ง “พลังงานสะอาด” อย่างลมและแสงแดดในรัฐไอโอวา สหรัฐ

ขณะเดียวกัน Berkshire ก็เพิ่มการเข้าถือหุ้นใน “บริษัทพลังงานฟอสซิล” อย่างบริษัทน้ำมัน Occidental Petroleum  และ Chevron จึงทำให้ผู้ถือหุ้นบางคนต้องการทราบเหตุผลของการกำหนดทิศทางบริษัทเช่นนี้ โดยเฉพาะ บิล สมีด (Bill Smead) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัท Smead Capital Management และผู้ถือหุ้น Berkshire ตั้งคำถามถึงประเด็นนี้

 

  • เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

นอกจากประเด็นการลงทุนด้านพลังงานของเอเบลแล้ว ยังมีผู้ถือหุ้นบางส่วนตั้งคำถามถึงความสามารถของเขา ยกตัวอย่างเช่น

“ใครมีอำนาจตัดสินใจขั้นสูงสุดของบริษัท”

“ควรเป็นคณะกรรมการตัดสินแทนหรือไม่”

“ถ้าเกิดความเห็นต่างในการตัดสินใจ จะจัดการอย่างไร”

สำหรับเส้นทางประสบการณ์เอเบลมากกว่า 2 ทศวรรษนี้ บัฟเฟตต์มองว่า เขามีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยแนวทางของบัฟเฟตต์กับของเขา ทั้งด้านการตัดสินใจ และการจัดสรรเงินลงทุนมีส่วนที่คล้ายกันอยู่

อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นเก่าแก่อีกรายของ Berkshire กล่าวว่า เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เอเบลคู่ควรกับอาณาจักร Berkshire ของบัฟเฟตต์หรือไม่ ซึ่งมีหลายบริษัทที่ยังคงบริหารจนรุ่งเรืองต่อ แม้ผู้ก่อตั้งจะวางมือหรือจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม อย่างบริษัท Apple ผู้ผลิตมือถือ iPhone แต่ก็มีบางบริษัทที่ประสบความยากลำบาก อย่างบริษัท GE (General Electric) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการไฟฟ้าและพลังงานของสหรัฐ

อ้างอิง: cnbc