'เบิร์กเชียร์' เทขายหุ้น BYD เหลือไม่ถึง 5% จากนี้ไม่แจ้งตลาดแล้ว
บริษัทของ 'วอร์เรน บัฟเฟตต์' เดินหน้าลดการถือหุ้นรถไฟฟ้าจีน BYD ต่อเนื่องเหลือแค่ 4.94% และเป็นครั้งสุดท้ายที่จะแจ้งตลาดตามกฎถือหุ้นไม่ถึง 5% ไม่ต้องรายงาน
บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของมหาเศรษฐีนักลงทุน "วอร์เรน บัฟเฟตต์" ลดการถือครองหุ้นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจีนเบอร์ 1 อย่าง "บีวายดี" (BYD) อย่างต่อเนื่อง โดยในการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมาพบว่า เบิร์กเชียร์ขายหุ้น BYD (H-shares) ออกไปจนเหลือสัดส่วนเพียง 4.94% จากที่ถืออยู่ 5.06%
การขายหุ้น BYD ครั้งนี้ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่องภายในช่วง 2 เดือน หลังจากที่ถืออยู่ 7.02% เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. และการแจ้งตลาดครั้งนี้ก็คาดว่าจะเป็นการแจ้งขายหุ้นรถอีวีจีนครั้งสุดท้ายแล้วของเบิร์กเชียร์ ภายใต้เกณฑ์ที่ไม่ต้องแจ้งตลาดหากถือหุ้นไม่ถึง 5%
ทั้งนี้ เบิร์กเชียร์เริ่มซื้อหุ้น BYD ตั้งแต่ปี 2551 โดยซื้อหุ้น 225 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% มูลค่า 230 ล้านดอลลาร์ แต่เริ่มทยอยขายหุ้นออกไปตั้งแต่เดือน ส.ค. 2567 หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมากกว่า 20 เท่า โดยขายไปในช่วง 2 เดือนหลังราคาหุ้นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
การซื้อหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าจีนดังกล่าวมาจากการผลักดันหลักๆ ของชาร์ลี มังเกอร์ อดีตรองประธานของเบิร์กเชียร์ผู้ล่วงลับและคู่หูของบัฟเฟตต์ ซึ่งเป็นผู้ผลักดันการลงทุนใน BYD ตั้งแต่แรกเริ่ม ทั้งที่ปกติแล้วเบิร์กเชียร์จะลงทุนในสหรัฐเป็นหลัก
ทั้งนี้ BYD แซงหน้าค่าย "เทสลา อิงค์" (Tesla) ของอีลอน มัสก์ ขึ้นเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลกได้เมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่เทสลาจะกลับมาทวงบังลังก์คืนในภายหลัง และในไตรมาส 2 ปีนี้ เทสลารายงานยอดขายรถยนต์ที่ 443,956 คัน เฉือนชนะ BYD ที่ขายได้ 426,039 คัน