ดาวโจนส์บวก 203.40 จุด รอรับผลประชุมดอกเบี้ยเฟดวันนี้

ดาวโจนส์บวก 203.40 จุด รอรับผลประชุมดอกเบี้ยเฟดวันนี้

ดาวโจนส์บวก 203.40 จุด ได้แรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและการเงิน แต่ S&P500 และ Nasdaq ปิดลบจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ตลาดรอรับผลประชุม 'เฟด' วันนี้

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคารที่ 30 ก.ค. แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นบริษัทผลิตชิปและบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์และแอปเปิ้ล

ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones) ปิดบวก 203.40 จุด หรือ +0.5% ปิดที่ 40,743.33 จุด 
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) ปิดลบ 27.10 จุด หรือ -0.5% ปิดที่ 5,436.44 จุด 
  • ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต (Nasdaq) ปิดบลบ 222.78 จุด หรือ -1.28% ปิดที่ 17,147.42 จุด

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.54% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.19% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงมากที่สุด โดยร่วงลง 2.2%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.143% เมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ (31 ก.ค.) โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ และคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.

ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดลบเนื่องจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริษัทผลิตชิป โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.89% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ขณะที่หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ปรับตัวลง 0.54% และหุ้นอะเมซอนปรับตัวลง 0.81% ก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้

หุ้นอินวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลงกว่า 7% และได้ฉุดดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย ร่วงลง 3.88%

หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ดิ่งลง 4.84% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้อยู่ที่ 2.053 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ตามปีงบการเงินของบริษัท โดยตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.074 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 9.8% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์กำไรในปีงบการเงิน 2567

หุ้นคราวด์สไตรค์ (Crowdstrike) ซึ่งเป็นบริษัทดูแลความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ร่วงลง 9.7% หลังจากมีรายงานว่าสายการบินเดลตาแอร์ไลน์เตรียมดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัทคราวด์สไตรค์และไมโครซอฟท์ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์ระบบล่มครั้งใหญ่เมื่อต้นเดือนนี้ ซึ่งส่งผลให้คอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องทั่วโลกประสบปัญหาขัดข้อง รวมถึงทำให้เดลตาต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายพันเที่ยว

สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 46,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.18 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากระดับ 8.23 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ดี ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเดือนมิ.ย.อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 8.0 ล้านตำแหน่ง

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. จากระดับ 206,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนก.ค.