ต่างชาติขายสุทธิหุ้นเอเชียเฉียด 4 พันล้านดอลลาร์ ทบทวนความคุ้มค่า 'หุ้นเทคฯ-AI'

ต่างชาติขายสุทธิหุ้นเอเชียเฉียด 4 พันล้านดอลลาร์ ทบทวนความคุ้มค่า 'หุ้นเทคฯ-AI'

ตลาดหุ้นเอเชียเจอต่างชาติขายสุทธิ 1.3 แสนล้านบาทในเดือนส.ค. หลังเพิ่งซื้อสุทธิ 2 เดือนติด นักลงทุนกังวลราคาหุ้นที่สูงเกินจริงและความคุ้มค่าของการลงทุน AI ที่ยังไม่ชัดเจน

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิหุ้นเอเชียอีกครั้งในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากราคาหุ้นดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา และนักลงทุนกังขาถึงความคุ้มค่าในการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของบริษัทเหล่านี้ เมื่อเทียบกับการเติบโตในอนาคต

ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียในเกาหลีใต้ อินเดีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ในเดือนที่ผ่านมา รวมมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.3 แสนล้านบาท) หลังจากซื้อสุทธิตลอดสองเดือนก่อนหน้า

ต่างชาติขายสุทธิหุ้นเอเชียเฉียด 4 พันล้านดอลลาร์ ทบทวนความคุ้มค่า \'หุ้นเทคฯ-AI\' - เงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าหุ้นแถบเอเชียในแต่ละเดือน (ภาพ: รอยเตอร์ส) -

“ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นเทคโนโลยีที่เคยพุ่งทะยาน กลับเริ่มปรับตัวลงแทน ในขณะที่หุ้นอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เคยขึ้นอย่างเชื่องช้า เริ่มปรับตัวสูง นักลงทุนเริ่มคิดว่า หุ้นเทคโนโลยีอาจมีราคาแพงเกินไปแล้ว และกำลังรอคอยว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงมาหรือไม่ เพราะถ้าลดลงมาจริง หุ้นตัวอุตสาหกรรมอื่นอาจมีพื้นที่ขึ้นราคาได้มากกว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี” เยียป จุน รง นักกลยุทธ์ตลาดของบริษัท IG กล่าว

ตลาดหุ้นของ "ไต้หวัน" และ "เกาหลีใต้" ซึ่งมีหุ้นบริษัทผลิตชิปสำหรับการใช้งานด้าน AI เป็นจำนวนมาก เผชิญแรงเทขายหนักสุดที่ 4.2 พันล้านดอลลาร์ และ 2.1 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับในเดือนที่ผ่านมา

เจสัน หลุย หัวหน้านักกลยุทธ์หุ้นและอนุพันธ์เอเชียแปซิฟิกของ BNP Paribas มองว่า การไหลออกของเงินทุนต่างชาติในไต้หวันและเกาหลีใต้เกิดจากนักลงทุนทั่วโลกเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความคุ้มค่าและความยั่งยืนจากการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำเหล่านี้

ในทางกลับกัน ตลาดหุ้น "อินเดีย" ยังสามารถดึงดูดเงินทุนสุทธิเข้ามาได้มูลค่า 873 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อหุ้นใหม่ที่เพิ่งเสนอขายในตลาดแรก (Primary Market) แล้วนำไปขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีการขายเป็นมูลค่าสุทธิ 662 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเฮรัลด์ ฟาน เดอร์ ลินเด้ หัวหน้านักกลยุทธ์หุ้นเอเชียแปซิฟิกของ HSBC มองว่าเป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติรู้สึกว่า ตลาดหุ้นอินเดียแพงเกินไป

ทั้งนี้ ตามข้อมูลจาก LSEG หุ้นอินเดียซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) อยู่ที่ประมาณ 24.06 เท่า ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาตลาดหุ้นหลักของโลก

ขณะที่ตลาดหุ้น "เวียดนาม" นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน เป็นมูลค่าประมาณ 151 ล้านดอลลาร์ในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ "ตลาดหุ้นไทย" ถูกขายสุทธิเป็นมูลค่า 175 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้น "อินโดนีเซีย" และ "ฟิลิปปินส์" สามารถดึงดูดทุนไหลเข้าจากต่างประเทศได้ประมาณ 1.85 พันล้านดอลลาร์ และ 144 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ

อ้างอิง: Reuters