จีนงัดมาตรการหนุนตลาดหุ้นครั้งใหญ่ ปลดล็อกเงินทุน 3.7 ล้านล้านบาทดันตลาดหุ้นให้ฟื้น

จีนงัดมาตรการหนุนตลาดหุ้นครั้งใหญ่ ปลดล็อกเงินทุน 3.7 ล้านล้านบาทดันตลาดหุ้นให้ฟื้น

จีนเร่งเครื่องกระตุ้นตลาดหุ้น! ประกาศปลดล็อกเงินทุนมหาศาลกว่า 3.7 ล้านล้านบาท สนับสนุนตลาดหุ้นที่ซบเซา จัดเต็มทั้งโครงการสวอปและให้กู้ยืมเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง หนุนหุ้นจีนและฮ่องกงพุ่งสูงขึ้นในรอบหลายเดือน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนกำลังพิจารณาแผนการจัดตั้ง “กองทุนเพื่อความมั่นคงของตลาดหุ้น” และจะปลดล็อกเงินทุนอย่างน้อย 800,000 ล้านหยวน หรือราว 3.7 ล้านล้านบาท เพื่อสนับสนุนตลาดหุ้นจีนที่กำลังประสบปัญหา ส่งผลให้บรรดาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จีนและฮ่องกงปรับตัวขึ้น

สำหรับความช่วยเหลือตลาดทุนจีนนี้ ธนาคารกลางจีนจะจัดตั้งโครงการสวอป เพื่ออนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์ กองทุน และบริษัทประกันสามารถเข้าถึงสภาพคล่องจากธนาคารกลางในการซื้อหุ้นได้ อีกทั้งยังมีแผนที่จะจัดตั้งโครงการให้กู้ยืมเฉพาะสำหรับบริษัทจดทะเบียนและผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพื่อซื้อหุ้นคืนและเพิ่มการถือครอง

“การสนับสนุนสภาพคล่องจากรัฐบาลปักกิ่งสำหรับตลาดหุ้นจีน จะมาในรูปแบบของโครงการสว็อปมูลค่า 500,000 ล้านหยวน และโครงการให้กู้ยืมซ้ำมูลค่า 300,000 ล้านหยวน” พาน กงเซิ่ง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าว

จากท่าทีที่เป็นบวกดังกล่าว ทำให้ ดัชนี CSI 300 ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ พุ่งขึ้นสูงสุด 4% หลังจากมีการประกาศข่าว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ส่วน ดัชนีฮั่งเส็ง พุ่งขึ้นเกือบ 5%

ลินดา แลม หัวหน้าฝ่ายให้คำปรึกษาด้านหุ้นสำหรับเอเชียเหนือของ Union Bancaire Privee ในฮ่องกงกล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้ตลาดประหลาดใจคือ ทิศทางที่ชัดเจนและการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกลางจีนในการเป็นแหล่งสภาพคล่องที่มั่นคงเพื่อหนุนตลาดหุ้น ในระยะสั้น ตลาดทุนจีน ควรเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาอันหอมหวานของสภาพคล่อง ในขณะเดียวกัน จีนกำลังซื้อเวลาเพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างการเติบโตที่ซับซ้อนกว่า”

“มาตรการเหล่านี้สามารถเพิ่มเงินทุน เพิ่มสภาพคล่องของตลาด และยังสามารถปรับปรุงความเชื่อมั่นของตลาดได้ระดับหนึ่งในระยะสั้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแนวโน้มของตลาดได้” โจว หนาน ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการด้านการลงทุนของบริษัทจัดการกองทุน Shenzhen Longhui กล่าว “มีความเป็นไปได้สูงว่า ในระยะสั้นและระยะกลาง ตลาดจะต้องปรับตัวลดลงอีกก่อนที่จะถึงจุดต่ำสุด”


อ้างอิง: bloomberg