ASIFMA เผย 'ไทย' รองบ๊วยในเอเชีย ผลจัดอันดับประเทศทำธุรกิจง่าย

ASIFMA เผย 'ไทย' รองบ๊วยในเอเชีย ผลจัดอันดับประเทศทำธุรกิจง่าย

ASIFMA เผยไทยอยู่ในอันดับ 12 "รองสุดท้าย" ในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ของผลสำรวจ Ease of doing business ด้านตลาดเงินตลาดทุน

สมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ และตลาดการเงินแห่งเอเชีย (ASIFMA) เปิดเผยรายงานผลสำรวจความเห็นการทำธุรกิจใน 13 เขตเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ปี 2566 พบว่า ในหมวดมุมมองต่อเรื่อง "ความยาก-ง่ายในการเข้าไปประกอบธุรกิจ" (Ease of doing business) "ประเทศไทย" อยู่ในอันดับที่ 12 หรือในกลุ่มท้ายตารางโดยเป็นรองเพียงแค่เวียดนามเท่านั้น และผลการจัดอันดับของไทยยัง "ลดลงต่อเนื่องทุกปี" จากอันดับ 9 ในปี 2565 และอันดับ 5 ในปี 2564 ซึ่งเป็นการสำรวจปีแรกของ ASIFMA

ผลสำรวจระบุว่า ประเทศไทยร่วงลง 3 อันดับจากปีก่อนหน้า และยังเป็นประเทศเดียวในกลุ่มที่มีผลการจัดอันดับด้านนี้ลดลงทุกปี ส่วน "เวียดนาม" อยู่ในอันดับสุดท้ายของตารางมา 3 ปีติดต่อกันไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่แชมป์สามอันดับแรกได้แก่ "สิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย" 

ฮ่องกงนั้นขยับขึ้นมาทวงที่ 2 ได้อีกครั้ง ส่วน "ญี่ปุ่น" หลุดจากท็อป 3 ไปเป็นที่ 5 ในขณะที่ "เกาหลีใต้" ร่วงลง 3 อันดับเป็นที่ 8 หลังจากออกมาตรการห้ามการขายชอร์ตเซลเมื่อเดือนพ.ย.2566 ซึ่งส่งผลกระทบหุ้นทั้งหมดในประเทศ และยังเป็นผลเชิงลบต่อมุมมองเรื่องกฎระเบียบ

ASIFMA เผย \'ไทย\' รองบ๊วยในเอเชีย ผลจัดอันดับประเทศทำธุรกิจง่าย

จากการประเมินใน 3 ด้านหลักๆ คือ การขยายตลาดด้วยผลิตภัณฑ์เดิม (market development), บรรยากาศในการทำธุรกิจ (operating environment)  และกฎระเบียบ (regulatory) พบว่า ประเทศไทยได้คะแนนรวม 5.38 โดยมีคะแนนน้อยที่สุดในเรื่องบรรยากาศการทำธุรกิจ 

สำหรับการสำรวจมุมมองตลาดเรื่องจุดเด่นที่ดึงดูดนักลงทุนใน 3 ด้านดังกล่าวนั้น พบว่าในหมวด Market development ไทยมีจุดเด่นในด้าน "โครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงิน" โดยเปลี่ยนจากปี 2565 ที่เป็นเรื่องความมั่งคั่ง และฐานลูกค้าที่เติบโต 

ส่วนจุดเด่นในด้านบรรยากาศการทำธุรกิจคือ "ความเข้าใจคู่แข่ง และมีต้นทุนการทำธุรกิจที่ถูก" ซึ่งต่างจากของสิงคโปร์ที่มีจุดเด่นเรื่องสกิลภาษา หรือของจีนที่เด่นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

ส่วนในหมวดสุดท้ายเรื่องกฎระเบียบนั้น ไทยมีจุดเด่นเรื่อง "ข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์ที่น้อย และการบริการ" ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์มีจุดเด่นเรื่องเกี่ยวกับกฎระเบียบต่อต้านการให้สินบน และการคอร์รัปชัน

ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวเป็นการสำรวจบริษัทที่เป็นสมาชิกของ ASIFMA ใน 13 เขตเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ระหว่างเดือนก.ย.- ธ.ค. 2566 ซึ่ง ASIFMA ระบุว่าเป็นปีที่มีผู้เข้าร่วมมากขึ้น แต่กลับมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางในอนาคตลดลง โดยมีกลุ่มตัวอย่างเพียง 40% เท่านั้นที่ตั้งใจจะขยายธุรกิจในตลาดเอเชียแปซิฟิก ซึ่งลดลงถึง 24% เมื่อเทียบกับผลสำรวจในปีก่อนหน้า โดยขอบเขตธุรกิจที่จะขยายยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ การจัดการสินทรัพย์ และตราสารหนี้ 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์