'ราคาทอง' พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 สัปดาห์

รอยเตอร์สรายงานว่า ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดปรับตัวรับมือก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐจะประกาศอัตราดอกเบี้ยและมาตรการภาษีการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะประกาศใช้

ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) พุ่งขึ้น 1.2% สู่ระดับ 2,654.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม ส่วนราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) เพิ่มขึ้น 1% อยู่ที่ 2,668.1 ดอลลาร์

“ฉันไม่เห็นว่าข่าวจะเคลื่อนไหวไปทางใด แต่แรงผลักดันทางภูมิรัฐศาสตร์ (ความตึงเครียดระหว่างประเทศและความไม่แน่นอนทางการเงิน รวมถึงภาวะก่อนการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์) ล้วนเป็นแรงหนุน” โรนา โอคอนเนลล์ นักวิเคราะห์ของ บริษัทให้บริการด้านการเงินและการลงทุน StoneX กล่าว

ตลาดทองคำแท่งเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และทองคำทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

รัสเซียได้ส่งโดรนโจมตีกรุงเคียฟเมื่อเช้าตรู่ของวันพุธ ส่งผลให้ได้รับความเสียหายอย่างน้อย 2 เขต ขณะที่กองทัพอิสราเอลได้โจมตีชานเมืองกาซา

ผู้ค้าต่างรอคอยข้อมูลตำแหน่งงานว่างของสหรัฐในสัปดาห์หน้า รายงานการจ้างงานของ ADP รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ในเดือนธันวาคม และรายงานการจ้างงานของสหรัฐ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2025

ในปี 2024 การปรับลดอัตราดอกเบี้ย การซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 27% ต่อปี ซึ่งถือเป็นระดับการปรับตัวขึ้นมากสุดนับตั้งแต่ปี 2010

ฟาวาด ราซัคซาดา นักวิเคราะห์ตลาดจากกระดานเทรดอัตราแลกเปลี่ยนและสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ Forex.com กล่าวว่า “การปรับฐานหรือการเคลื่อนตัวในช่วงแคบในช่วงต้นปีอาจปูทางไปสู่การพุ่งขึ้นอีกครั้ง” พร้อมทั้งเสริมว่าเป้าหมายราคาทองคำที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์นั้นเป็นไปได้

“การยุติลงของสภาวการณ์ซื้อทรัมป์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าและตลาดหุ้นแข็งแกร่ง อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงและหนุนราคาทองคำขึ้น”

การเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคมทำให้ความไม่แน่นอนในตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยภาษีศุลกากรและนโยบายกีดกันการค้าของเขาคาดว่าจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้า

ในกลุ่มโลหะมีค่าอื่นๆ ราคาเงินในตลาดโลกพุ่งขึ้น 2% สู่ระดับ 29.44 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลเลเดียมลดลง 0.1% สู่ระดับ 909.25 ดอลลาร์ และแพลทินัมพุ่งขึ้น 1.8% สู่ระดับ 921.2 ดอลลาร์