Commerce Sector ปัจจัยหนุนแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา

Commerce Sector ปัจจัยหนุนแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา

เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมใน 3Q65F ของบริษัทในกลุ่ม home improvement ที่เราศึกษาอยู่ (Dohome PCL (DOHOME.BK/DOHOME TB)*, Siam Global House PCL (GLOBAL.BK/GLOBAL TB)* และ Home Product Center PCL (HMPRO.BK/HMPRO TB)*) จะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท (+20% YoY, -22%QoQ)

ทำให้กำไรสุทธิในงวด 9M65F อยู่ที่ 8.2 พันล้านบาท (+6% YoY) เราคาดว่ากำไรสุทธิของ HMPRO จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 67% YoY จากผลของฐานที่ต่ำเพราะมีการปิดสาขาร้านชั่วคราวในช่วงที่ COVID-19 ระบาด แต่คาดว่ากำไรจะลดลง 5% QoQ เพราะผลจากปัจจัยฤดูกาล แต่กำไรของ HMPRO ไม่น่าจะลดลงมากเท่ากับ GLOBAL และ DOHOME ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กที่ลดลง เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ DOHOME จะออกมาอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม โดยกำไรจะลดลงถึง 76% YoY และ 74% QoQ เพราะอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากราคาเหล็ก (ยอดขายเหล็กคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25-30% ของรายได้รวมของ DOHOME ในขณะที่คิดเป็น 15-20% ของรายได้รวมของ GLOBAL) ทั้งนี้ ราคาเหล็ก rebar ใน 3QTD ลดลง 9% YoY หรือลดลง 7% QoQ และลดลง 12% YTD

 

 

 

ปัจจัยเฉพาะตัวจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน

เราพบว่าบริษัทในกลุ่ม home improvement ที่เราศึกษาอยู่มีปัจจัยเฉพาะตัวที่จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยในระยะสั้น เราคาดว่า HMPRO จะโดดเด่นกว่าเพื่อนเนื่องจาก i) ผลการดำเนินงานทีเหนือกว่าในไตรมาสที่สามจากผลของฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว ii) ไตรมาสที่สี่เป็นช่วง peak ตามฤดูกาล ส่วนในระยะกลาง เราคาดว่า GLOBAL จะโดดเด่นเนื่องจาก i) รายได้ภาคเกษตรของไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 15% YoY ในช่วง 7M65 (Figure 5) และ ii) อาจจะมีอุปสงค์เพิ่มขึ้นหลังน้ำท่วม ทั้งนี้ 63% ของสาขาร้าน GLOBAL ตั้งอยู่ในจังหวัดที่กรมอุตุนิยมวิทยาของไทยแจ้งเตือนว่าจะมี
ฝนตกหนัก ในขณะที่ของ DOHOME มี 58% และของ HMPRO มี 41% (Figure 7) สำหรับในระยะยาว เราคาดว่า HMPRO จะได้อานิสงส์จากการกลับมาเปิดประเทศ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวซึ่งจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และจะหนุนให้กำไรของ HMPRO โตได้ในระดับปานกลางที่ 17% YoY ในปี 2565F และ 15% YoY ในปี 2566F โดยจะเป็นอัตราการเติบโตที่ราบรื่นมากกว่า GLOBAL ที่คาดว่าจะโต 2% YoY ในปี 2565F และ 6% YoY ในปี 2566F และของ DOHOME ที่คาดว่ากำไรจะลดลงถึง 45% YoY ในปี 2565F แต่เพิ่มขึ้น 8% YoY ในปี 2566F เพราะทั้งสองบริษัทถูกกดดันจากราคาเหล็ก

Commerce Sector ปัจจัยหนุนแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา

 

Commerce Sector ปัจจัยหนุนแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา

ใช้ PER ที่แตกต่างกัน

เรากำหนด PER ของ HMRPO ที่ 35.0x (+1.0 S.D.) เพื่อสะท้อนถึงปัจจัยกระตุ้นด้านบวกในระยะสั้นและแนวโน้มกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2565-2566 เรากำหนด PER ของ GLOBAL ที่ 31.0X(เท่ากับค่าเฉลี่ย) เพื่อสะท้อนถึงอานิสงส์จากเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ถึงแม้ว่า GLOBAL จะได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กที่ลดลง แต่เนื่องจากสัดส่วนยอดขายเหล็กต่ำกว่า (เพียง 15-20% ในขณะที่ของ DOHOME อยู่ที่ 25-30%) ดังนั้นผลประกอบการจึงผันผวนน้อยกว่าและน่าจะทำให้กำไรยังโตได้ในปี 2565-2566 เรากำหนด PER ของ DOHOME ที่ 27.0x (-1.0 S.D.) เพื่อสะท้อนถึงแรงกดดันทางด้าน margin จากการที่ราคาเหล็กลดลง และแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ไม่น่าสนใจ

 

Valuation & action

เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม Commerce ที่ Overweight เราแนะนำ ซื้อ HMPRO โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 19.00 บาท (PER ที่ 35.0x; +1.0 S.D.) และแนะนำซื้อ GLOBAL โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 24.40 บาท (PER ที่ 31.0x; เท่ากับค่าเฉลี่ย) แต่แนะนำขาย DOHOME โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 12.00 บาท (PER ที่ 27.0x; -1.0 S.D)

 

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ถูก disrupt จากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ, พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป, ขยายสาขาร้านได้น้อยกว่าที่วางแผนเอาไว้, และการหาทำเลที่ตั้งสาขา