BM คาดการณ์รายได้และกำไรสุทธิปี 66 ทำจุดสูงสุดใหม่

BM คาดการณ์รายได้และกำไรสุทธิปี 66  ทำจุดสูงสุดใหม่

งวด 2Q65 บริษัทมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 23.7 ลบ. +32.5%QoQ, +0.4%YoY: รายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 337 ลบ. +12.0%QoQ, +21.4%YoY จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในงานหมวดราง และท่อร้อยสายไฟ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของงานส่งออกไปต่างประเทศ

บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น(%GPM) 18.0% เทียบกับช่วง 2Q64 และ 1Q65 ที่ 19.4% และ 15.5% ตามลำดับ ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 32 ลบ. คิดเป็น%SG&A/Sales เท่ากับ 9.4% ปรับตัวลดลง YoY ที่ระดับ 11.0% แต่ทรงตัว QoQ ที่ระดับ 9.3% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 23.7 ลบ. +32.5%QoQ, +0.4%YoY ทั้งนี้ในช่วง 1H65 บริษัทมีรายได้รวม 646 ลบ. +14.0%YoY และกำไรสุทธิ 37.9 ลบ. +1.3%YoY คิดเป็น  50% ของประมาณการณ์รายได้และกำไรปี 65 ซึ่งยังเป็นไปตามที่เราคาด

•    คาดการณ์กำไรงวด 3Q65 เท่ากับ 27 ลบ. เติบโต 14%QoQ แต่ลดลง 21%YoY: ฝ่ายวิจัยประมาณการรายได้งวด 3Q65 ราว 327 ลบ. เติบโตราว 35%YoY ทรงตัว QoQ เนื่องจากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเป็นการเติบโตของธุรกิจ Metal Trunking & White Conduit งานหมวด Communication Racks, Cabinet & Enclosures และธุรกิจส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า โดย YTD (31 ต.ค. 65) ค่าเงินบาทอ่อนค่า ราว 14% ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 19.4% ส่งผลให้คาดการณ์กำไรอยู่ที่ราว 27 ลบ.เติบโต 14%QoQ แต่หดตัว 21%YoY 
 

•    คาดการณ์กำไรปี 65 และปี 66 เติบโต 12%YoY และ 11%YoY ตามลำดับ: คงประมาณการรายได้ในปี 65 ที่ 1,289 ลบ. เติบโต 15%YoY  โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตดี จากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ผ่อนคลาย เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่คาดว่าลูกค้าในกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะเติบโตเล็กน้อย สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ 18.3% จากราคาเหล็กที่คาดว่าผ่านจุดสูงสุดมาแล้วแต่ยังทรงตัวในระดับสูง  ขณะที่คาดการณ์อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเมื่อเทียบกับยอดขาย (%SG&A/Sales) ที่ 11.7% ส่งผลให้เรายังคาดกำไรในปี 65 ตามประมาณการเดิมที่ 82.8 ลบ. เติบโต 12%YoY คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 6.4% สำหรับปี 66 ฝ่ายวิจัยคาดการณ์รายได้ ที่ 1,418 ลบ. เติบโต 10%YoY จากธุรกิจส่งออก และความชัดเจนในงานผลิตเพื่อการส่งออกสินค้า ในเขตพื้นที่ปลอดภาษี (Free Zone) ที่ปัจจุบันมีความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้ว 90% และบริษัทคาดจะเดินเครื่องโรงงานใหม่ได้ประมาณต้นปี 66 โดยคาด %GPM ที่ระดับ 18.3% ทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 65 ในขณะที่คาด %SG&A/Sales อยู่ในระดับ 11.6% ใกล้เคียงเดิม โดยคาด BMจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมราว 7 ลบ. ปรับตัวสูงขึ้นจากคาดการณ์ปี 65 ที่ 3 ลบ. ส่งผลให้เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 66 เท่ากับ 91.9 ลบ. เติบโต 11%YoY 

•    ปรับคำแนะนำจาก “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” เป็น “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 66 เท่ากับ 5.26 บาท: ในการประเมินมูลค่าเหมาะสมซึ่งอิง Prospective PER ที่ระดับ 33.4x (P/E Band ย้อนหลัง 5 ปีที่ระดับค่าเฉลี่ย) ขณะที่ PER ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 27x โดยคาดกำไรต่อหุ้นปี 66 ราว 0.157 บาท (Fully Diluted) จากการใช้สิทธิ BM-W2 คำนวณเป็นราคาเหมาะสมใหม่ปี 66 เท่ากับ 5.26 บาท ซึ่งมี upside จากราคาปิดราว 14.0% เราจึงปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” 
 

ปัจจัยเสี่ยง

i) การผันผวนของราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า  โดยเฉพาะราคาเหล็กที่พุ่งขึ้นแรง
ii) การพึ่งพิงการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างของภาครัฐบาลและเอกชน
iii) ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
iiii) การพึ่งพิงผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบเหล็กรายใหญ่