BAM เติบโตอย่างสมํ่าเสมอ (16 ธ.ค. 2565)

BAM เติบโตอย่างสมํ่าเสมอ (16 ธ.ค. 2565)

เปิดประมูลสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของธนาคารต่าง ๆ ยังคงคึกคักในช่วง 4Q65 โดยคาดว่ายอด NPLs รวมที่ธนาคารต่าง ๆ นำออกมาขายจะอยู่ที่ประมาณ 8-9 พันล้านบาทในไตรมาสนี้ (ใกล้เคียง4Q64)

และทำให้ยอด NPL ที่ธนาคารนำออกมาขายทั้งหมดในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท (จากประมาณ 2.35 หมื่นล้านบาทในปี 2564)  ทั้งนี้ จาก NPLs ทั้งหมดที่ธนาคารนำออกมาขาย 75-80% เป็นสินเชื่อจดบ้าน ในขณะที่ 20% เป็นสินเชื่อ SMEs และ ที่เหลือเป็นสินเชื่อธุรกิจ

 

คาดว่า BAM จะมีส่วนแบ่งตลาดการซื้อหนี้ที่ 35%

ตามปกติแล้ว BAM มักจะซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเยอะในช่วงไตรมาสที่สี่ สอดคล้องกับกรอบเวลาที่ธนาคารต่าง ๆ นำ NPL ออกมาขาย โดยในงวด 9M65 บริษัทใช้งบไป 3.1 พันล้านบาทในการซื้อ NPLs และน่าจะใช้อีกประมาณ 2.5 พันล้านบาทใน 4Q65F และรวมเงินที่ใช้ซื้อหนี้เสียในปีนี้ที่ 5-5.5 พันล้านบาท สำหรับการซื้อของมูลหนี้ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ทำให้ส่วนแบ่งตลาดในการซื้อ NPL จากธนาคารอยู่ที่ประมาณ 35% ในปี 2565F เพิ่มขึ้นจาก 32% ในปี 2564 ทั้งนี้เกือบ 90% ของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ BAM ซื้อในปีนี้จะเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในขณะที่สินทรัพย์ที่ซื้อในปีที่แล้วมีหลากหลาย
ประเภท

 

 

 

เก็บหนี้ได้เพิ่มขึ้นใน 4Q65F โดยที่ margin ดีขึ้น

BAM สามารถเก็บหนี้ได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้นที่ 1.15 หมื่นล้านบาท (+4% YoY) ในงวด 9M65 โดยคาดว่าจะเก็บหนี้ได้ประมาณ 5.5 พันล้านบาท (+22% QoQ, +10% YoY) ใน 4Q65F ซึ่งจะทำให้ยอดเก็บหนี้เต็มปีอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท (+7% YoY) ในขณะเดียวกัน เราคาดว่า margin ของการเก็บหนี้ (กำไรสุทธิ/cash collection ratio) จะทรงตัว YoY ใน 4Q65 แต่ margin เต็มปีจะดีขึ้นเป็น 16% จาก 15% ในปี 2564 เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q65 จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (+53% QoQ +11% YoY) ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิเต็มปีอยู่ที่ 3.0 พันล้านบาท (+15% YoY)

 

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2565F/2566F ลงปีละ 8% และประเมินรานคาเป้าหมายปี 2566F ที่ 23.50บาท (PE ที่ 25x หรือ PBV ที่ 1.75x)

เราปรับสมมติฐานสำคัญของประมาณการกำไรปี 2565F/2566F ดังนี้ i) ปรับลดรายได้ลง 5%/6% และ ii) ปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายดำเนินงานขึ้นทำให้สัดส่วน C/I เพิ่มขึ้นเป็น 26.1%/24.3% (จากเดิมที่ 23.5%/23%) เพื่อสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการขาย NPAs นอกจากนี้ เรายัง de-rate PE ลงเหลือ20x (คิดเป็น PBV ที่ 1.70x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2566 ที่ 23.50 บาท ลดลงจากเดิมที่ 25 บาทโดยเรายังคงคำแนะนำซื้อ BAM

 

Risks

เก็บหนี้ได้ต่ำกว่าที่วางแผนเอาไว้, ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพได้ราคาไม่ดี