ติดตามผลประกอบการและประชุมกนง. (23 ม.ค. 2566)

ติดตามผลประกอบการและประชุมกนง. (23 ม.ค. 2566)

บรรยากาศภาพรวมยังเป็นบวก แม้ปริมาณซื้อขายอาจเบาบางลงจากการหยุดทำการในหลายประเทศ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่

1) การประกาศผลประกอบการกลุ่มธนาคารในสัปดาห์ก่อน แม้มีการตั้งสำรองมากกว่าคาด แต่แนวโน้มระยะกลางของธนาคารหลายแห่งยังดี สัปดาห์นี้ติดตามการประกาศงบของ SCGP (24 ม.ค.) และ SCC (25 ม.ค.) 2) บรรยากาศลงทุนหุนสหรัฐฯ เป็นบวก หลังตลาดคาดเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง ขณะที่ Christopher J. Waller หนึ่งในกรรมการเฟด ให้ความเห็นว่าเฟดอาจใกล้ถึงจุดที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการชะลอเงินเฟ้อ 3) ปริมาณการซื้อขายระยะสั้นอาจชะลอ หลังตลาดหุ้นภูมิภาคหลายแห่งเข้าสู่ช่วงหยุดตรุษจีน อาทิ จีน (23-27 ม.ค.), ไต้หวัน (20-27 ม.ค.), ฮ่องกง (23-25 ม.ค.), เวียดนาม (20-26 ม.ค.), สิงคโปร์-มาเลเซีย-เกาหลีไต้ (23-24 ม.ค.) 4) ประชุม กนง. 25 ม.ค. คาดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ไม่กระทบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากไม่ปรับขึ้นจะเป็นผลบวกต่อการฟื้นตัวกลุ่มการเงิน

 

จีนอนุญาตให้ประชาชนเดินทางออกไปท่องเที่ยวแบบหมู่คณะได้ใน 20 ประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน ออกประกาศเมื่อ 20 ม.ค.66 อนุญาตให้บริษัทนำเที่ยว สามารถนำเที่ยวแบบหมู่คณะในต่างประเทศได้ เริ่มต้น 20 ประเทศ ตั้งแต่ 6 ก.พ. สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลดีต่อไทย เนื่องจากคู่แข่งหลักในตลาดจีน อาทิ เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และเวียดนาม ยังไม่อยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับอนุญาต แม้ปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นท่องเที่ยว แต่หุ้นหลักรับรู้ปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว ขณะที่อาจเริ่มเผชิญแรงกดดันจากการขาดแคลนแรงงาน และการปรับขึ้นค่าจ้างที่จะกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรได้ ขณะที่เรามองการเปิดประเทศของจีน จะส่งผลบวกต่อการบริโภคและคุณภาพลูกหนี้ (ค้าปลีก และการเงิน) รวมถึงกลุ่มภาคการผลิต (ปิโตรเคมี และบรรจุภัณฑ์)
 

 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR

ภาพรวมกลยุทธ์: บรรยากาศต่างประเทศเป็นบวก ขณะที่แรงกดดันกลุ่มธนาคารจากการตั้งสำรองที่สูงน่าจะทยอยลดลง การเก็งกำไรระยะสั้นเน้นหุ้นที่ยัง Laggard และกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์เกี่ยวกับฝั่งต้นทุนที่ลดลง จะมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี กลุ่มโรวงไฟฟ้าและกองรีทส์ช่วงสั้นปรับขึ้นดีจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลง //หุ้นแนะนำ: ROJNA, GUNKUL, MAJOR, VRANDA

แนวรับ: 1,666 และ 1,655/ แนวต้าน : 1,688-1,794 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 


 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 11 - ลดลง 1.5% สู่ระดับ 4.02 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค. mom ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2553 แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.96 ล้านยูนิต

BOJ ยันเดินหน้านโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หวังบรรลุเป้าเงินเฟ้อ 2% – นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่าการขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของ BOJ

ทล. เตรียมเปิดประมูลที่พักริมทาง มอเตอร์เวย์ สาย 7 พ.ค.นี้ - แผนงานที่สำคัญคือการพัฒนาที่พักริมทาง (Rest Area) บน

ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร - บ้านฉาง เพื่อเป็นจุดแวะพักสำหรับผู้ใช้เส้นทาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน เช่น ห้องน้ำ ที่จอดรถ ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าชุมชน สถานีบริการน้ำมัน ฯลฯ

รถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ คาดแล้วเสร็จภายในปีนี้ – ผลักดันโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ งบประมาณก่อสร้าง จำนวน 21,467 ล้านบาท ผ่านมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยพ.ศ. 2558-2565 

 

ประเด็นติดตาม: 23 ม.ค. - ECB President Lagarde Speaks / 24 ม.ค. – US & EU Manufacturing PMI, Services PMI / 25 ม.ค. – TH Interest Rate Decision, US Crude Oil Inventories / 26 ม.ค. – US GDP Q4, US New Home Sales / 27 ม.ค. – US Core PCE Price Index, US Pending Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)