ไม่มีประเด็นผลักดันชัดเจนทำให้ตลาดยังอยู่กับการเก็งรายตัว

ไม่มีประเด็นผลักดันชัดเจนทำให้ตลาดยังอยู่กับการเก็งรายตัว

ติดตามคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลประชุมวันนี้ การประชุมเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคที่นำโดยก้าวไกล-เพื่อไทย วันนี้ 14.30 น. เราคาดว่าการหารือในหลายเรื่องจะส่งผลต่อมุมมองระยะสั้นที่นักลงทุนมีต่อตลาดทุน

เราคาดนักลงทุนตอบรับปัจจัยลบระยะสั้นเกี่ยวกับประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และจิตวิทยาเชิงลบจากการตรวจสอบกลุ่มทุนไปแล้ว อย่างไรก็ตามหากข้อมูลจากการประชุมหารือ ยืนยันถึงการที่ก้าวไกลคุมกระทรวงที่เกี่ยวกับการปฏิรูป (มหาดไทย, กลาโหม, ศึกษา) ขณะที่เพื่อไทย ดูแลกระทรวงด้านเศรษฐกิจ (พาณิชย์ พลังงาน คมนาคม อุตสาหกรรม) ซึ่งหากมีการยืนยันออกมาในทิศทางนี้ ตลาดเองน่าเพิ่มความเชื่อมั่น และคลายความกังวลไปในระดับหนึ่ง

ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้ เพดานหนี้, ประชุมกนง. และการปรับพร์ตหุ้น MSCI 1) เพดานหนี้ คาดสภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ จะลงมติขยายเพดานหนี้ 31 พ.ค.นี้ 2) คาดกนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% แต่ติตดามการส่งสัญญาณการดำเนินนโยบาย ทั้งนี้ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยสหรัฐฯ ที่กว้างมาก อาจทำให้ กนง. จำต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงระดับ 2.50% เพื่อรักษาเสถียรภาพทางกาเงินจากเงินทุนไหลออก 3) การปรับพอร์ต MSCI รอบนี้มีผล 31 พ.ค. ในดัชนีหุ้นใหญ่ MSCI Global Standard หุ้นเข้า MAKRO หุ้นออกคือ JMT, TU // Small cap: หุ้นเข้า JMT, TIDLOR, SAPPE, SISB, TU ขณะที่หุ้นออก ไม่มี
 

ภาพรวมกลยุทธ์: ฟื้นตัวในกรอบ 1,526-1,547 ยังเน้น speculative buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ระวังความผันผวนของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ // กลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยว ไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นการเมือง ขณะที่สื่อสารและไฟฟ้า มีโอกาสฟื้นตัว หลังตอบรับปัจจัยลบระยะสั้นมากไป บาทอ่อนรอบนี้บวกกับกลุ่มส่งออกอาหารและเกษตร ขณะที่อิเล็กทรอนิกส์จะไม่ได้ประโยชน์มากนัก

หุ้นแนะนำ: MAKRO*, MAJOR*, BAM*, SAMTEL*

แนวรับ: 1,526 / แนวต้าน : 1,547-1,560 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ
 

มอร์แกนสแตนลีย์ คาดการบริโภคในจีนยังไม่ฟื้นสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิด – เป็นเพราะ 1) จีนไม่ได้ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่แจกเงินให้กับประชาชนเพื่อเยียวยาผลกระทบ 2) จีนใช้นโยบายควบคุมโควิดอย่างเข้มงวดเป็นเวลานานส่งผลให้การจ้างงานในภาคบริการหายไปราว 30 ล้านตำแหน่ง และต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู และ 3) ตลาดที่อยู่อาศัยของจีนชะละอตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลออกมาตรการควบคุมการเก็งกำไร
 

ก.ล.ต.เตือนผู้ถือหุ้น STARK – ให้เข้าร่วมการประชุมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) เกี่ยวกับความคืบหน้าของการดำเนินการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ เพื่อรับทราบรายละเอียดความคืบหน้า และสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้อง 

BGRIM เข้าถือหุ้นโรงไฟฟ้าเกาหลี - กำลังการผลิตติดตั้ง 98.99 เมกะวัตต์ ในสาธารณรัฐเกาหลี ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 400 ลบ.  เพื่อขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน โดยตั้งเป้ารายได้โครงการปีละ 600 ลบ. ผลตอบแทน 12%

MAJOR ทำกำไร 350 ลบ. – MAJOR เตรีมบันทึกรายได้ขายหุ้น MPIC ทั้งหมด 92.46% ให้ ขันเงิน ไทเทเนียม มูลค่า 650 ลบ. คาดฟันกำไรพิเศษกว่า 350 ลบ. ภายในเดือน มิ.ย. นี้ ผู้ถือหุ้นมีลุ้นบอร์ดพิจารณานำมาจ่ายปันผลพิเศษ

 

ประเด็นติดตาม: 30 พ.ค. - US CB Consumer Confidence / 31 พ.ค. - TH Interest Rate Decision, US JOLTs  /1 มิ.ย. - EU Manufacturing PMI, EU CPI, US ADP Nonfarm Employment Change, US ISM Manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)