ตลาดยังอยู่กับการเก็งรายตัว ติดตามการส่งสัญญาณดอกเบี้ยจากประชุมกนง.
ส่งออกเม.ย. -7.6% สินค้าเกษตรดี แต่อุตสาหกรรมและเชื้อเพลิงยังหดตัว กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออก เม.ย. 21,723 ล้านดอลลาร์ฯ -7.6% ขณะที่นำเข้า -7.3% ส่งผลให้ดุลการค้า -1,471 ล้านดอลลาร์ฯ
ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกในส่วนที่ดีคือสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร (22% ของส่งออกรวม) ที่เติบโต 8.2% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม (73% ของส่งออกรวม) ชะลอตัวโดยเติบโต -11.2% ขณะที่สินค้าแร่และเชื้อเพลง เติบโต -13.7% // สินค้าเกษตรส่งออกที่เติบโตดี ได้แก่ ผลไม่สด แช่เย็นแช่แข็ง, ข้าว, เครื่องดื่ม, ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง, ผักกระป๋องและแปรรูป, นมและผลิตภัณฑ์นม ขณะที่เห็นการชะลอตัวในมันสำปะหลัง (-44.1%), ยางพารา (-40.2%), อาหารทะเลกระป๋อง (-34.3%), ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ (-34.3%) และอาหารสัตว์เลี้ยง (-33.6%)
ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้ เพดานหนี้, ประชุมกนง. และการปรับพอร์ตหุ้น MSCI 1) เพดานหนี้ คาดสภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ จะลงมติขยายเพดานหนี้คืนนี้ (31 พ.ค.) 2) คาดกนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% แต่ติตดามการส่งสัญญาณการดำเนินนโยบาย ทั้งนี้ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยสหรัฐฯ ที่กว้างมาก อาจทำให้ กนง. จำต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงระดับ 2.50% เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินจากเงินทุนไหลออก 3) การปรับพอร์ต MSCI รอบนี้มีผล 31 พ.ค. ในดัชนีหุ้นใหญ่ MSCI Global Standard หุ้นเข้า MAKRO หุ้นออกคือ JMT, TU // Small cap: หุ้นเข้า JMT, TIDLOR, SAPPE, SISB, TU ขณะที่หุ้นออก ไม่มี
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวในกรอบ 1,526-1,547 ยังเน้น speculative buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ระวังความผันผวนของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ // กลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยว ไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นการเมือง ขณะที่สื่อสารและไฟฟ้า มีโอกาสฟื้นตัว หลังตอบรับปัจจัยลบระยะสั้นมากไป บาทอ่อนรอบนี้บวกกับกลุ่มส่งออกอาหารและเกษตร ขณะที่อิเล็กทรอนิกส์จะไม่ได้ประโยชน์มากนัก
หุ้นแนะนำ: MAKRO*, MAJOR*, BAM*, SAMTEL*
แนวรับ: 1,526 / แนวต้าน : 1,547-1,560 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงในเดือนพ.ค. – Conference Board ระบุ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 102.3 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 103.7 ในเดือนเม.ย. แต่ปรับตัวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 99.0 ผลสำรวจพบว่าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นลดลงต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
วนรัชต์ ลาออกบอร์ด TOA - โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 2566 เนื่องจากมีภารกิจที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นายวนรัชต์ ยังดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) และกรรมการ บมจ. สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 โดยมีหุ้นทั้งหมด 3.19 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26.85%
พรรคก้าวไกล ยันเก็บภาษีหุ้น – ศิริกัญญา รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยันต้องจัดเก็บภาษีหุ้น (Capital gain tax) ส่วนกองทุน LTF จะไม่นำกลับมาอีก ด้าน ไพบูลย์ นายกสมาคมนักวิเคราะห์ ย้ำไม่เห็นด้วย ชี้ตลาดหุ้นแถบเอเชียไม่มีแห่งไหนเก็บ และของไทยมีจัดเก็บภาษีกำไรขายหุ้นระดับนิติบุคคลและภาษีเงินปันผลระดับ 10% อยู่แล้ว
"ขันเงิน"ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ MPIC – นายขันเงิน เตรียมตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นจากนักลงทุนทั่วไป (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ราคาหุ้นละ 1.50 บาท ซึ่งเป็นราคาตลาดก่อนจบดีลการซื้อขายหุ้น และเป็นราคาที่สูงกว่าการซื้อหุ้นของนายขันเงิน ระหว่างวันที่ 9 มิ.ย. -13 ก.ค.นี้
STARK – การให้ข้อมูลสาธารณะ (Public presentation) ของบริษัทไม่ได้สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอนาคตของธุรกิจ รวมถึงจำนวนเงินเพิ่มทุนคงเหลือหลังจากที่ไม่ได้นำไปเข้าซื้อธุรกิจของ Leoni ทำให้อาจต้องระวังแรงขายที่น่าจะเข้ามาอย่างต่อเนื่องหลังหุ้นกลับเข้าซื้อขายในวันพรุ่งนี้
ประเด็นติดตาม: 31 พ.ค. - TH Interest Rate Decision, US JOLTs /1 มิ.ย. - EU Manufacturing PMI, EU CPI, US ADP Nonfarm Employment Change, US ISM Manufacturing PMI
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)