JMART บริษัทลูกดึงลงกันแบบพันพัว (2 มิ.ย. 66)

JMART บริษัทลูกดึงลงกันแบบพันพัว (2 มิ.ย. 66)

หลังจากที่บริษัทประกาศผลขาดทุนสุทธิ 294 ล้านบาทใน 1Q66 เรายังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวผลประกอบการของ JMART จะพลิกฟื้นได้มากนัก ภายใต้ผลขาดทุนใน 1Q66 จากส่วนแบ่งผลขาดทุนสุทธิจาก SINGER 218 ล้านบาท

และผลจากทุนการบันทึกตามราคาตลาด (MTM) จากการลงทุนใน BRR และ SGC รวมกันประมาณ 440 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากราคาหุ้น SGC ยังตกหนักต่อเนื่อง QTD ส่วนราคาหุ้น BRR ทรงตัว เราจึงคาดว่า JMART จะต้องบันทึกผลขาดทุน MTM จากการลงทุนอีก 120-130 ล้านบาท ใน 2Q66F จาก SGC

 

การเติบโตของกำไรจากธุรกิจหลักไม่น่าตื่นเต้น

กำไรจากธุรกิจหลักของ JMART ส่วนใหญ่ยังคงมาจาก JMT (ถือหุ้น 53.5%) figure 4 ซึ่งเมื่ออิงประมาณเติบโตกำไร JMT ในปี 2566/2567 ที่ +28%/+25% เราคาดว่า JMT จะส่งผลกำไรสุทธิมาที่ JMARTประมาณ 1.2 พันลบ/1.5 พันลบ. ตามลำดับ ซึ่งจะช่วยชดเชยผลขาดทุน MTM ได้ ในขณะเดียวกัน เรามองว่าโมเมนตัมการเติบโตของกำไร J-Mobile จะชะลอตัวลงหลังจากที่ไม่สามารถเพิ่มรายได้จากการขายผ่านช่องทางของ SINGER ได้ เราคาดว่ากำไรของ J-Mobile (ถือหุ้น 95%) จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือ 220 ล้านบาท/253 ล้านบาทในปี 2566F/2567F (จาก 360 ล้านบาทในปี 2565) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจาก BNN Restaurant (สุกี้ตี๋น้อย) จะเพิ่มขึ้นเป็น 218 ล้านบาท/253 ล้านบาทในปี 2566F/2567F (จาก 19 ล้านบาทในปี 2565) ทั้งนี้ JMART ได้เข้าไปซื้อ BNN ในปลายปี 2565 และเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรในงบ P/L ใน 4Q65

ปรับลดกำไรปี 2566F/2567F ลง 42%/20% และปรับลด TP-2566F เหลือ 22 บาท (จากเดิม 34 บาท)

เราคิดว่าโมเดลการผนึกพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผ่านการซื้อหุ้นบางส่วนในบริษัทเป้าหมายหลาย ๆ แห่งที่จดทะเบียนใน SET กำลังส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท เพราะภาวะตลาดทุนที่เป็นลบ และผลขาดทุนอย่างหนักของบริษัทในเครือบางแห่งได้ส่งผลต่อการเติบโตของบริษัทในกลุ่มต้องสะดุด ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้เวลานานในการแก้ไขทำให้เราปรับลดสมมติฐานสำคัญในปี 2566/2567 ดังนี้ 1) ปรับลดส่วนแบ่งกำไรเป็นขาดทุน 142 ล้านบาทในปี 2566 และเป็นกำไร 405 ล้านบาทในปี 2567 (จากเดิมประมาณเดิมที่กำไร 624 ล้านบาท/740 ล้านบาทตามลำดับ) เพื่อสะท้อนผลขาดทุนจาก SINGER ดังแสดงใน figure 4  2) ปรับลดกำไรจาก J-Mobile ลงเหลือ 220 ล้านบาท/253 ล้าน
บาท (จาก 400 ล้านบาท/450 ล้านบาท 3) คาดว่าจะมีผลขาดทุน MTM 370 ล้านบาทในปีนี้ และจะมีกำไร 200 ล้านบาทในปีหน้า 4) ใส่ส่วนแบ่งกำไรจาก BNN ที่ 218 ล้านบาท/253 ล้านบาท (จากเดิมที่ไม่ได้ใส่ไว้) ทั้งนี้ เมื่อใช้ PE ที่ 25x จากประมาณการกำไรในอีกสองปีข้างหน้า ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2566 ที่ 22 บาท ลดลงจากเดิมที่ 34 บาท

JMART บริษัทลูกดึงลงกันแบบพันพัว (2 มิ.ย. 66)

 

Risks

ผลขาดทุน MTM จากการลงทุนในบริษัทที่อยู่ภายใต้ JMART, กำไรของ JMT ไม่โตตามคาด.