วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ RBF มีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่อง
RBF ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดต่างประเทศในปี 2566F และคาดว่าจะขยายตลาดได้ต่อเนื่องในปี 2567F เพราะคาดว่าตลาดที่มีศักยภาพอย่างเช่น จีน และ อินเดีย จะเติบโตต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกันตลาดส่งออกเดิมของ RBF อย่างเช่นเวียดนาม ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปีนี้ ก็น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในปีหน้า ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายปี 2567F เอาไว้ที่ 10-15%
GPM จะได้อานิสงส์จาก product mix และราคาข้าวสาลีที่ลดลง
การขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มวัสดุแต่งสีกลิ่นรส ซึ่งเป็นกลุ่มที่มี GPM สูงที่สุดจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ GPM ของ RBF เพิ่มขึ้นในปี 2567F นอกจากนี้ ราคาแป้งสาลีที่ลดลงก็น่าจะช่วยสนับสนุน GPM ของกลุ่มแป้งชุบทอดได้อย่างมีนัยสำคัญ (คิดเป็นประมาณ 30% ของ COGS ในกลุ่มนี้) โดยราคาข้าวสาลีในตลาดโลกใน 4QTD66 ลดลง 30% YoY และ 3% QoQ เหลือ US$5.76/bushel ยิ่งไปกว่านั้นโรงงานแห่งใหม่ของ RBF ในประเทศอินโดนีเซียที่จะเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนธันวาคม และในประเทศอินเดียที่จะเริ่มเปิดดำเนินการใน 2H67F จะเป็นอีกปัจจัยหนุน เนื่องจากราคาข้าวสาลีในสองประเทศนี้ถูกกว่าในประเทศไทย โดยโรงงานใหม่สองแห่งนี้จะทำให้กำลังการผลิตเกล็ดขนมปัง และแป้ง premix ของกลุ่มแป้งชุบทอดของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 65%
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ 7% และปีหน้า 13%
เนื่องจากราคาข้าวสาลีถูกลง เราจึงปรับเพิ่มสมมติฐาน GPM ปีนี้ขึ้นอีก 1.5ppts เป็น 38.1% และปี 2567F ขึ้นอีก 3.4ppts เป็น 40.1% ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ของเราเพิ่มขึ้น 7% เป็น 703 ล้านบาท (+46% YoY) และปี 2567F เพิ่มขึ้น 13% เป็น 907 ล้านบาท (+29% YoY) ทั้งนี้ เราคาดว่า RBF จะได้รับผลกระทบน้อยมากจากนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ (<1% ของกำไรสุทธิในกรณีปรับขึ้นเป็น 400 บาท/วัน) เพราะกระบวนการผลิตของบริษัทไม่ได้เน้นใช้แรงงาน
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำซื้อ RBF โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2567 เป็น 14.50 บาท อิงจาก PER ที่ 32.0x (adjusted PER เฉลี่ย +0.5 S.D.) จากเดิมที่ 12.80 บาท
Risks
ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น, ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น, เศรษฐกิจถดถอย