วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตา BOJ Meeting & ผลประกอบการบจ. สหรัฐฯ
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว อ่อนตัว แนวรับ 1,366/1,354 จุด แนวต้าน 1,380/1,388 จุด โดยดัชนีฯ ยังคงทำจุดต่ำสุด (Lower Low) ใหม่อย่างต่อเนื่อง จากอิทธิพลของรูปแบบขาลง Rounding Top โดยมีแนวรับเป้าหมายสำหรับการลุ้นรีบาวนด์ที่ 1,354 จุด
ทั้งนี้ สัญญาณ RSI ที่ยังคงไม่เข้าเขต Super Oversold Area ทำให้ความเสี่ยงขาลงของดัชนีฯ ยังคงมีต่อเนื่อง
ประเด็น Event สำคัญ วันนี้
ผลประชุมครม.สัญจร จังหวัดระนอง: มีการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับงบประมาณ จากครม.สัญจร เพื่อไปดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ โดยเฉพาะโครงการสำคัญที่มีความพร้อม และดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปี รวมทั้งหมดมี 21 โครงการ วงเงินรวมกว่า 616 ล้านบาท อาทิ การขยายถนนเป็น 4 เลน จากอาเภอเมืองระนองไปยังจังหวัดพังงา การพัฒนาท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวที่มีมาตรฐาน เช่น ท่าเรือประภาคาร ท่าเรือไปเกาะพยาม หรือท่าเรือสะพานปลา เป็นต้น การรับฟังความคิดเห็นเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง ซึ่งอาจกระทบต่อผู้ที่อาศัยอยู่แนวเส้นทางโครงการ ฯลฯ
*Japan: BOJ Meeting คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม -0.1% และคงเป้าหมายยิลด์พันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ที่ 0.25% โดยสามารถแกว่งตัวได้ถึงระดับ 1.0% ทั้งนี้ ตลาดจะให้ความสนใจต่อสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยตลาดคาดการเจรจาค่าจ้างรายปี จะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ BOJ จะรอดูข้อมูลนี้จนถึงเดือน เม.ย. ก่อนที่จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ทั้งนี้ อดีต BOJ นายมาเอดะคาดการณ์ว่าการเจรจาค่าจ้างในปีนี้จะนำไปสู่การปรับขึ้นค่าจ้างในอัตราที่สูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.58% โดยได้แรงหนุนจากการที่ภาคเอกชนสามารถทำกำไรได้สูงเป็นประวัติการณ์ และจากภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวมากขึ้น โดยหากค่าจ้างมีการปรับขึ้น 4% ตามที่นายมาเอดะคาดการณ์ ก็จะถือเป็นการปรับขึ้นค่าจ้างในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1992 ทั้งนี้ ผลการเจรจาเบื้องต้นจากสหภาพการค้าของญี่ปุ่น (Rengo) จะมีการประกาศในวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนการประชุม BOJ ในเดือนดังกล่าว
US: รัฐนิวแฮมเชียร์ เป็นรัฐที่สองต่อจากรัฐไอโอวา ในการเลือกตัวแทนประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน คาด Donald Trump มีโอกาสชนะได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนอีกสมัย
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ มีจำนวนมาก
+/-US: ผลประกอบการบจ. สหรัฐฯ มีจำนวนมากขึ้น ไฮไลท์จับตาผลกำไรของ Microsoft (คาดรายงาน 4Q23E EPS USD2.29 Vs ช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ USD2.32) Netflix (คาดรายงาน 4Q23E EPS USD2.20 Vs ช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ USD0.12) J&J (คาดรายงาน 4Q23E EPS USD2.27 Vs ช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ USD2.35) Texas Instruments (คาดรายงาน 4Q23E EPS USD1.48 Vs ช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ USD2.13) Verizon (คาดรายงาน 4Q23E EPS USD1.08 Vs ช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ USD1.19)
ไทย: ผลประกอบการ 4Q23/2023 กลุ่มที่มิใช่สถาบันการเงิน เริ่มทยอยประกาศงบฯ สัปดาห์นี้ นำโดย SCGP คาดกำไร 4Q23E +213% YoY +6.4% QoQ เป็น 1,409 ล้านบาท และทั้งปี 2023 กำไรสุทธิ 5.438 พันล้านบาท -6.2% YoY (Consensus TP 42.09) SCC คาดรายงานกำไรสุทธิ 4Q23 +1878% YoY, +27.4% QoQ ที่ 3,111 ล้านบาท และทั้งปี 2023 กำไรสุทธิ 3.01 หมื่นล้านบาท +41% YoY (Consensus TP 327.78)
EU รายงานตัวเลข Consumer Confidence เดือน ม.ค. โดย Consensus คาดดีขึ้นเล็กน้อยเป็น -14.7 (Vs เดือน ธ.ค. -15) ทั้งนี้ ความเสี่ยงของเศรษฐกิจชะลอตัว จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ถ่วงการใช้จ่ายเพื่อบริโภคในช่วง 1Q24E
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นบลูชิพที่มีประเด็นเชิงบวก ได้แก่ GFC TTB SC
Strategic daily picks
GFC ปิด 11.50 บาท/แนวรับ 10.90 บาท แนวต้าน 12.10 บาท
บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2024 โต 30-40% ด้วยอานิสงส์จากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งผลให้มีผู้เข้ามารับบริการเพิ่มขึ้นและรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา (สุวรรณภูมิ-พระราม 9 และจ.อุบลราชธานี) ซึ่งจะเปิดให้บริการใน 2Q24 จากผลการดำเนินงานปี 2023 คาดว่ารายได้จะเติบโต 30% เกินเป้าหมาย Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 71 ล้านบาท (+8.10% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 14 บาท
TTB ปิด 1.80 บาท/แนวรับ 1.71 บาท แนวต้าน 1.85 บาท
รายงานกำไร 4Q23 ที่ 4.87 พันล้านบาท (+26.5% YoY, +2.8% QoQ) ดีกว่า Bloomberg Consensus คาด 9.6% ขณะที่สินเชื่อรายย่อย (รถแลกเงิน, บ้านแลกเงิน) ยังเติบโตได้ดี NIM ขยายตัวดีทั้ง YoY, QoQ ที่ 3.39% (3Q23=3.34%, 4Q22=3.10%) ส่วน Cost to income ratio ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ อยู่ที่ 44% (3Q23=43%, 4Q22=46%) Bloomberg Consensus ประมาณการมูลค่าเหมาะสมที่ 1.81 บาท
SC ปิด 3.26 บาท/แนวรับ 3.12 บาท แนวต้าน 3.44 บาท
บริษัทมีแผนลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Enging 2 เพื่อสร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่องในปี 2024 ทั้งกลุ่มธุรกิจคลังสินค้าใน EEC เพิ่มอีก 1 แสนตารางเมตร (ปัจจุบันมีพื้นที่ 1 แสนตรางเมตร) ที่จ.นครสวรรค์และสมุทรปราการ อย่างละ 1 แห่ง คาดจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ 1Q24 พร้อมขยายธุรกิจโรงแรม แบรนด์ KROMO ในไทยอีก 1-2 แห่ง Bloomberg Consensus ประมาณการกาไรสุทธิปี 2023 ที่ 3.5 พันล้านบาท (+43.64% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 10.35 บาท
