วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCB ทนเจ็บช่วงสั้น แต่จะดีในระยะยาว
การปิด Robinhood ที่ดำเนินการภายใต้บริษัท Purple Venture (บริษัทลูกที่ SCB ถือหุ้น 100%) คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายและกระทบกำไรใน 2Q67F และ ประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
โดยเราคิดว่าการที่ Purple Venture มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานมากถึง 2.2 พันล้านบาทในปี 2565 (figure 1) และ สินทรัพย์มีขนาด 3.5 พันล้านบาท เป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของ Robinhood เป็นหลัก ทั้งนี้ Robinhood เริ่มต้นจากธุรกิจจัดส่งอาหาร (food delivery) และ ต่อมาขยายมาสู่บริการเรียกรถ และ จองโรงแรม & ตั๋วเครื่องบินในปี 2566 ทั้งนี้เราคาดว่าผลขาดทุนจากดำเนินงานใน 2Q67F จะอยู่ที่ 750 ล้านบาท และ คาดว่าจะมีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของโครงสร้างพื้นฐานของแอพประมาณ 1.5-1.8 พันล้านบาทใน 2H67F
การปิด Robinhood เป็นความกังวลต่อการสะดุดของกลยุทธ์แผน 5 ปีของกลุ่ม SCB
SCB มีแผนที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจไปพร้อม ๆ กับ Gen 3 ซึ่งส่วนหนึ่งขับเคลื่อนโดย platform ของ Robinhood โดยในช่วงแรก SCB ตั้งเป้าจะขยายฐานลูกค้า และธุรกิจใหม่ ภายใต้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มโดยปัจจุบัน Robinhood มีฐานลูกค้าที่ใหญ่ (มีผู้ลงทะเบียนใช้งาน 4.5 ล้านคน, ไรเดอร์ 26,000 คน, ร้านอาหาร 15,000 ร้าน, โรงแรม 16,000 แห่ง) นอกจากนี้ SCB มีอีกกลุ่มธุรกิจที่อยู่ภายใต้กลุ่ม Gen 2 (ได้แก่ Cardx, Autox, แอพเงินกู้) มีผลการดำเนินงานไม่ดีนักในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา เพราะค่าใช้จ่ายสำรองฯ (credit cost) สูงถึง 10.4% ในปี 2566 และ 9.6% ใน 1Q67 โดยทำกำไรได้เพียง 500 ล้านบาทในปี 2566 แต่พลิกมาเป็นขาดทุนประมาณ 300 ล้านบาทใน 1Q67 เรามองว่าแผนงานที่สะดุดตัวใน Robinhood เกิดความกังวลต่อธุรกิจอื่นๆ ของ SCB
คาดว่า 2Q67F จะขาดทุน 1.03 หมื่นล้านบาท (-8.6% QoQ -11% YoY, 6M67F -5.6%)
ผลประกอบการที่อ่อนแอสะท้อนถึง 1.) สมมติฐาน credit cost ที่สูงขึ้น 2.) รายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง และ 3.) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น (figure 4)
ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F ลง 6%, ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2567F ลงเหลือ 117 บาท
การปรับประมาณการของเราสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจาก Robinhood ประมาณ 2.8 พันล้านบาทใน
ปี 2567F ซึ่งหลังจากปรับประมาณการ 2Q67F ใหม่แล้ว เราคาดว่ากำไรในงวด 1H67F จะคิดเป็น 51%
ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา นอกจากนี้ เรายัง de-rate PBV เหลือ 0.75x (จากเดิม 0.85x) ทำให้ได้
ราคาเป้าหมายปี 2567F ใหม่ที่ 117 บาท (จากเดิม 130 บาท)
Risks
ไม่สามารถเพิ่มรายได้ตามที่คาดไว้, NPLs เพิ่มขึ้น และ ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น