วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP จากแรงกดดันในธุรกิจ H/P ไปสู่สินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP จากแรงกดดันในธุรกิจ H/P ไปสู่สินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ

กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 769 ล้านบาท (-49% QoQ 45% YoY), กำไรสุทธิ 1H67 ที่ 2.3 พันล้านบาท (-35%)

กำไรสุทธิใน 2Q67 ออกมาต่ำกว่าประมาณการรวมของตลาด(consensus) 37% และ ต่ำกว่าประมาณการ
ของเรา 41% เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองฯ(credit cost) เพิ่มขึ้นอย่างมาก และ มีผลขาดทุนก้อนโตจากการขายรถที่ยึดมา (LOS) ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 39% QoQ แต่ทรงตัว YoY ใน 2Q67 และ ลดลง 4% ในงวด
1H67 ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายสำรองฯ(credit cost) ที่รวมขาดทุนรถยึด(LOS) อยู่ที่ 2.9% ใน 2Q67 และ 2.5% ในงวด 1H67 ทั้งนี้ กำไรสุทธิในงวด 1H67 คิดเป็น 38% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

กำไรจากธุรกิจหลักลดลง 4% QoQ และ 19% YoY ใน 2Q67 และ ลดลง 19% ในงวด 1H67

หากไม่รวม LOS และค่าใช้จ่ายสำรองฯ(credit cost) กำไรจากธุรกิจหลักจะลดลง 4% QoQ และ 19% YoY ใน 2Q67 และ ลดลง 19% ในงวด 1H67 ทั้งนี้ การปล่อยกู้ที่ลดลงฉุดให้ NIM และ NII ลดลงในขณะที่อัตรา
การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมทรงตัว QoQ ทั้งนี้ NII มีแนวโน้มลดลง 5% QoQ และ 9% YoY ใน 2Q67 จากการที่สินเชื่อ H/P ที่มี yield สูงมีปริมาณลดลงมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566

คุณภาพสินทรัพย์จะยังคงกดดันไปอีกนาน

ตัวเลข NPL เพิ่มขึ้น 3% QoQ และ 9% YoY ใน 2Q67 เนื่องจากมีการเร่งตัดหนี้สูญ (write-off) หนี้เสีย ซึ่ง
ทำให้ credit cost (รวม LOS) เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 2.9% (จาก 2.1% ใน 1Q67) สำหรับในระยะต่อไป
ผู้บริหารเผยว่าผลขาดทุนส่วนนี้ยังมีความผันผวน และ อาจจะยังต่อเนื่องไปใน 2H67 นอกจากผลขาดทุน
ธนาคารเริ่มเห็นสัญญาณว่าคุณภาพสินทรัพย์ในสินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ อ่อนแอลงด้วย โดยเฉพาะสินเชื่อจดจำนองในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง หรือ กลุ่มสินเชื่อบ้านระดับราคา > 5 ล้านบาท ดังนั้น KKP จึงใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการขยายสินเชื่อธุรกิจใหม่ ๆ

 

 

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F/2568F ลง 28%/21% และ ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2567F เหลือ 43 บาท โดยปรับลดคำแนะนำเป็นถือ

เราปรับลดประมาณการกำไรลงเพื่อสะท้อนถึง 1) การปรับลดสมมติฐานอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2567/2568 เป็น -5%/0% (จากเดิมที่ +5/+8%) 2.) การปรับเพิ่มสมมติฐาน คชจ.สำรองฯ(credit cost) เป็น
2.6%/2.4% (จากเดิม 2.2%/2.0%) และ 3.) การปรับสมมติฐาน NIM ปี 2567F/2568F เป็น 4.0%/4.3%
(ลดลงจากเดิมที่ 4.4%/4.6%) นอกจากนี้ เรายังปรับลด (de-rate) PBV เหลือ 0.6x เพื่อให้สอดคล้องกับ
ROE ที่ลดลงเหลือ 7.5% (จาก 11%) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2567 ใหม่ที่ 43 บาท จากเดิมที่ 61 บาท
ดังนั้น เราจึงปรับลดคำแนะนำ KKP จากซื้อ เป็นถือ

Risks

มีผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาเพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายสำรองฯเพิ่มมากกว่าคาดม รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP จากแรงกดดันในธุรกิจ H/P ไปสู่สินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP จากแรงกดดันในธุรกิจ H/P ไปสู่สินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP จากแรงกดดันในธุรกิจ H/P ไปสู่สินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ

 

 

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP จากแรงกดดันในธุรกิจ H/P ไปสู่สินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP จากแรงกดดันในธุรกิจ H/P ไปสู่สินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP จากแรงกดดันในธุรกิจ H/P ไปสู่สินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP จากแรงกดดันในธุรกิจ H/P ไปสู่สินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ