วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PFund-REITs-IFF คาดแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคจะลดลง

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PFund-REITs-IFF คาดแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคจะลดลง

ธนาคารกลางสหรัฐคงช่วงอัตราดอกเบี้ย fed fund เป้าหมายเอาไว้ที่ 5.25%-5.50% ในการประชุมเดือนมิถุนายน 2567 ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 7 ตามความคาดหมาย

โดย Fed คิดว่ายังไม่เหมาะที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงจนกว่าจะมั่นใจมากกว่านี้ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนเข้าใกล้เป้า 2% อย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกัน dot plot ก็แสดงภาพว่า Fed จะลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ และจะลดอีกสี่ครั้งในปี 2568 ซึ่งจากประเด็นนี้ เราคิดว่าแรงกดดันทางด้านการขึ้นดอกเบี้ยต่อกลุ่ม PFund-REITs-IFF จะลดลงจาก 2H67 ไป โดยก่อนหน้านี้ กองทุนในกลุ่มนี้ถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นมาหลายปี ส่งผลให้ DPUs ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตร นอกจากนี้ ประเด็นนี้
ยังจะส่งผลดีในระยะยาวด้วยหาก Fed เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพราะกองทุนกลุ่มนี้จะได้อานิสงส์จากการที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของหลาย ๆ กองทุนดูน่าสนใจมากขึ้น เพราะยังรักษาระดับ DPUs ไว้ได้ในขณะที่ราคากองทุนถูกลง

คาดว่าจะมีการดำเนินมาตรการ “Digital Wallet” ใน 4Q67

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศมาตรการ Digital Wallet ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
จากการที่จะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ประชาชน 50 ล้านคนใช้จับจ่ายซื้อของจากธุรกิจในท้องถิ่น
โดยล่าสุดโครงการนี้จะเปิดลงทะเบียนในวันที่ 1 สิงหาคม และจะมีการกำหนดแนวทางเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้ มาตรการ “Digital Wallet” เป็นแคมเปญหลักในการหาเสียงของรัฐบาลเพื่อไทยที่นำโดยนายกเศรษฐาก่อนการเลือกตั้งปลายปีที่แล้ว โดยรัฐบาลระบุว่ามาตรการนี้จะก่อให้เกิด“ทอร์นาโดทางเศรษฐกิจ” และนายกฯ เห็นว่า เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคที่จะหนุนให้ GDP โตเพิ่มอีก 1.2% ถึง 1.6%

 

 

สำหรับประเด็นนี้ เรามองว่าจะเป็นบวกกับบางกลุ่มธุรกิจจากแนวโน้มธุรกิจที่จะดีขึ้นจากการดำเนินมาตรการ Digital Wallet ทั้งทางตรงและทางอ้อม เราคิดว่ากลุ่มที่จะได้รับผลประโยชน์ทางตรงคือ กลุ่มที่เข้าเกณฑ์การใช้จ่ายตามมาตรการ ในขณะที่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก ซึ่งมีส่วนในการจัดหาสินค้าที่เข้าเกณฑ์การใช้จ่ายตามมาตรการจะได้อานิสงส์ทางอ้อม ซึ่งหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการบริโภคที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่มีเม็ดเงินอัดฉีดเข้ามาในตลาดมากขึ้น

กลุ่มค้าปลีกเข้ากับธีมนี้

นอกจากเราจะคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว HoH ใน 2H67 แล้ว เรายังคาดว่าธุรกิจค้าปลีกที่อยู่ในกลุ่ม
PFund-REITs-IFF จะได้อานิสงส์จากปัจจัยนี้ เนื่องจากการบริโภคที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราจึงชอบ CPNREIT และ ALLY มากที่สุดในธีมนี้

Recommendation

เราคาดว่ากองทุนกลุ่มนี้จะได้อานิสงส์จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด และเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะขยายตัวดีขึ้น กองเด่นที่เราแนะนำจึงยังเป็นกองทุนที่เคยแนะนำไว้ ได้แก่ i) กองเด่นระดับแนวหน้า: CPNREIT, WHAIR และ AMATAR และ ii) กองเด่นระดับรอง: ALLY, GROREIT และ LHHOTEL

Risks

COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, การเมืองขาดเสถียรภาพ.

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PFund-REITs-IFF คาดแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคจะลดลง

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PFund-REITs-IFF คาดแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคจะลดลง

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PFund-REITs-IFF คาดแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคจะลดลง

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PFund-REITs-IFF คาดแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคจะลดลง

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PFund-REITs-IFF คาดแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคจะลดลง