วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ตลาดมีโอกาสพักตัว หลังรับรู้ปัจจัยบวก
คาดแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ได้ภายใน 15 ก.ย. นี้ การจัดตั้ง ครม. ชุดใหม่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังวานนี้มีรายงานข่าวว่า คุณแพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรี เตรียมลงนามเพื่อจัดตั้ง ครม. และเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ เร็วๆ นี้
ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นบวกต่อเศรษฐกิจไทย จากการเบิกจ่ายงบปี 67 และการอนุมัติงบประมาณปี 68 ที่ไม่มีรอยต่อระหว่างการเปลี่ยนถ่าย ครม. ลำดับถัดไปจะเป็นแถลงนโยบายของ ครม. ชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในวันที่ 15 ก.ย. นี้ เราคาดว่ามีโอกาสที่นโยบายจะมีความคล้ายคลึงกับรัฐบาลคุณเศรษฐา โดยเฉพาะโครงการ Digital Wallet ที่มีโอกาสสูงที่จะยังคงเกิดขึ้น จากโผ ครม. ล่าสุด ที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังยังคงมีคุณเผ่าภูมิ สำหรับนโยบายที่น่าติดตามว่าเกิดขึ้นหรือไม่ คือ 1) นโยบายแก้หนี้ครัวเรือน และ 2) การลดเงินนำส่งกองทุน FIDF ของธนาคาร เป็นต้น สำหรับมุมมองการลงทุน เราประเมินตลาดหุ้นไทย เริ่มมีการรับรู้ปัจจัยบวกจากความชัดเจนทางการเมืองไปพอสมควรแล้ว จึงมีโอกาสที่จะเริ่มเห็นแรงขายทำกำไร และการพักตัวของ SET Index ในระยะสั้น
ภาคการผลิตสหรัฐฯ ยังคงอ่อนแอ ดัชนี ISM Manufacturing PMI ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. อยู่ที่ 47.2 จุด แม้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และยังต่ำกว่า 50 จุด เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลง และอาจทำให้ตลาดหุ้นไทยเกิด sentiment เชิงลบได้บ้างในวันนี้
สะสมหุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศ, การเบิกจ่ายงบประมาณ และได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ติดตามความคืบหน้าจัดตั้งครม.ใหม่ และการแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ จะยืนยันนโยบายเศรษฐกิจที่ได้ไปต่อ ซึ่งคาดจะบวกต่อกลุ่มค้าปลีก, รับเหมา, สื่อสารขนาดกลาง-เล็ก ได้แก่ CPALL, TNP, CPAXT, CBG, OSP, CK, STEC, SYNEX, SIS, SAMART, ITEL เป็นต้น รวมถึงหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อาทิ 1) กลุ่มการเงิน. 2) โรงไฟฟ้า และ 3) กลุ่มกองทุน REITs
ภาพรวมกลยุทธ์ ติดตามการแถลงนโยบายของ ครม. ชุดใหม่ ยังคาดกลุ่มคล้ายพันธบัตร และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ แกร่งกว่าตลาด และใช้จังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นขาขึ้น อาทิ สื่อสาร, อาหาร และค้าปลีก // กลุ่มท่องเที่ยวน่าสนใจจากการเข้าสู่ high season เราชอบ AOT, ERW, SPA
แนวรับ: 1,332-1,350 / แนวต้าน : 1,365 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• CBG (72) : คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ฟื้นตัว จากยอดขาย Energy drink ที่ดีขึ้น และคาดได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ ตัดขาดทุน 67.5 บาท
• NSL* (35) : ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 67 เติบโตดี จากรายได้ที่เติบโตเด่น และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ตัดขาดทุน 27.50 บาท
• EGCO* (116) : ราคาหุ้นตอบรับผลประกอบการที่อ่อนแอจากการตั้งสำรองโครงการผลิตไฟฟ้าที่ต่างประเทศไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบัน ตัดขาดทุน 93 บาท
• TU* (16) : คาดผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีปรับดีขึ้นต่อเนื่อง จากการไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster ตัดขาดทุน 15.3 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐหดตัวเป็นเดือนที่ 5
- สหรัฐเผยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลงมากกว่าคาดในเดือนก.ค.
- ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งใกล้หลุด $71 กังวลเศรษฐกิจจีนซบ,โอเปคเตรียมเพิ่มการผลิต
- ครม. อนุมัติ 5 มาตรการสกัดสินค้าผิดกฎหมายจากต่างประเทศ
- ต่างชาติเที่ยวไทย 8 เดือนแตะ 23.7 ล้านคน แม้สัปดาห์ที่ผ่านมาชะลอเล็กน้อย
- ศุภาลัย ปั้นอสังหาออสเตรเลีย 50,000 ล้านบาท กวาดยอดขายครึ่งปีแรก โตเพิ่ม 70%
- BYD โตไม่แผ่ว รายได้ Q2/67 พุ่ง 33% บีบบริษัท EV รายเล็กจีน-เร่งการควบรวมกิจการ
- Oil & Gas แนะน้ำหนัก Market Weight
- หุ้นขึ้น XD (4 ก.ย.) BA (0.60) BBL (2.00) BCP (0.60), KKP (1.25)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5 ก.ย. – TH Inflation Rate (Aug)
6 ก.ย. – US Non Farm Payrolls (Aug), US Unemployment rate