วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway Up
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นมายืนระดับ 1,450 จุด ตามทิศทางตลาดภูมิภาค ได้แรงหนุนจาก ผลการประชุมเฟด มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยแรง 0.50% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ประกอบกับความคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล
มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไอซีที และพลังงาน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,454.84 จุด +19.07 จุด +1.33% มูลค่าการซื้อขาย 67,668 ลบ. Program Trading +2,628 ลบ. ต่างชาติ +1,038 ลบ. TFEX +10,510 สัญญา ตราสารหนี้ +2,369 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 522.09 จุด หรือ +1.26% โดยดาวโจนส์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 42,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน หลังจาก FED ประกาศลด อัตราดอกเบี้ย 0.50% และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหลายครั้ง
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ +1.67% ปิดที่ 74.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก FED ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และอุปสงค์น้ำมัน และจากการปรับตัวลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
+ การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Dot Plot เจ้าหน้าที่ FED ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ และปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1% ในปี 2568 และลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในปี 2569
+ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงการหารือกับ 14 องค์กรภาคเอกชนท่องเที่ยวมีความเห็นสอดคล้องกันที่จะนำโครงการเราเที่ยวด้วยกันกลับมาดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง
+/- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 8-1 ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5% ในการประชุม สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ปัจจัยลบ
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 219,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด ในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 230,000 ราย
- ยูเครนส่งโดรนโจมตีคลังอาวุธขนาดใหญ่ในแคว้นตเวียร์ (Tver) ของรัสเซีย ส่งผลให้เกิดระเบิดรุนแรงเทียบเท่าแผ่นดินไหว และ ต้องมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ใกล้เคียง
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของเวียดนามคาดการณ์ว่าพายุโซนร้อนจะพัดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนกลาง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและ อาจเกิดน้ำท่วมรุนแรงได้ ขณะที่กรมอุดุนิยมวิทยาเตือน 12 จังหวัด ในประเทศไทยเตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก
- WHO ระบุว่า เหตุระเบิดของเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารทั่วเลบานอน ได้ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของเลบานอนที่อ่อนแออยู่ก่อนแล้ว
- เครดิตบูโรเปิดภาพรวมหนี้ 7M67 ชี้หนี้เสียส่อทะลัก 1.2 ล้านล้านบาทใน 3Q67 และมีหนี้ที่มีปัญหาหรือค้างชำระไม่เกิน 90 วัน อีก 6.7 แสนล้านบาท หนี้ค้างชำระในกลุ่มสินเชื่อบ้าน 1.69 แสนล้านบาท +18% และ สินเชื่อส่วนบุคคล +33% เป็น 1.13 แสนล้านบาท
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังจากเฟด ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหลายครั้ง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นแรง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานมองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,450-1,460 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า : BGRIM GPSC EGCO RATCH TVO TMILL JUBILE SYNEX SIS
• หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ำลด : TASCO DOHOME GLOBAL HMPRO DCC DRT TOA DPAINT
• หุ้นได้ประโยชน์จากรัฐบาลใหม่ : CK STEC SEAFCO BJC CPALL CPAXT
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Fed ลดดอกเบี้ย : SAWAD MTC TIDLOR JMT BGRIM GULF GPSC
หุ้นรายงานพิเศษ
ICHI "ซื้อ" (Bloomberg consensus 19 บาท)
"กำไรสุทธิ 2Q67 +4%QoQ +48%YoY"
•2Q67 มีรายได้จากการขาย 2,304 ลบ. +8%QoQ +14%YoY โดยหลักมาจากการขายในประเทศ (สัดส่วน 94%) +8%QoQ +19%YoY เนื่องจากตลาดชาพร้อมดื่ม ชาสมุนไพร และน้ำด่างในประเทศเติบโต แต่รายได้จากการขายในต่างประเทศ (สัดส่วน 6%) -3%QoQ -34%YoY เนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบผลิต OEM และปัญหาคำสั่งซื้อของประเทศคู่ค้า ขณะที่การผลิตมีประสิทธิภาพทำให้เกิด Economies of Scale ประกอบกับราคาวัตถุดิบ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ลดลง ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้น 26.4% เพิ่มขึ้นจาก 23% ใน 2Q66 และ 26.1% ใน 1Q67 แม้สัดส่วน SG&A/Sale เพิ่มขึ้นสู่ 7.8% จาก 6.1% ใน 1Q67 เนื่องจากค่าใช้จ่ายพนักงานสูงขึ้น แต่มีรายการพิเศษจากการขายสินทรัพย์ราว 33 ลบ. ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 379 ลบ. +4%QoQ +48%YoY อัตรากำไรสุทธิ 16.4% เพิ่มขึ้นจาก 12.6% ใน 2Q66 แต่ลดลงจาก 17% ใน 1Q67 (หากไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 346 ลบ. -5%QoQ +35%YoY คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 15%) ก้าไรสุทธิ 1H67 อยู่ที่ 743 ลบ. +56%YoY
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 9 พันลบ. +12%YoY จากตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 16% ต่อปี อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ Bloomberg Concensus คาดกำไร ปี 2567 ราว 1.4 พันลบ. +25%YoY กำไร 1H67 คิดเป็น 54% ของประมาณการทั้งปี ราคาหุ้น +4%YTD ซื้อขายที่ P/E 15X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 36X โดยยังมี Upside ราว 17% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) TMI (Bloomberg Consensus - บาท) เดินหน้าพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิต 130 เมกะวัตต์ ในทวีปยุโรป มูลค่าเงินลงทุน 4,000-5,000 ล้านบาท หลังจับมือ “เจียมพัฒนาพลังงานฯ” ลงนาม MOU เน้นสเปนเป็นหลัก คาดเริ่มจ่ายไฟเฟสแรก 15-30 เมกะวัตต์ ในปี 68 ลุยต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาด รองรับดีมานด์ลูกค้า สอดคล้องนโยบายภาครัฐและทิศทางพลังงานโลก ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) CBG (Bloomberg Consensus 83.00 บาท) รับมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท หนุนยอดขายเครื่องดื่มทุกกลุ่มโต แย้มงบไตรมาส 3/2567 เด่น จากแรงหนุนเครื่องดื่มชูกำลังมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น ล่าสุดใกล้แตะ 26%-ยอดขายสุราทำออลไทม์ไฮทุกไตรมาส เชื่อแนวโน้ม Q4 มั่นใจยอดขายปีนี้โตกว่าปีก่อน แม้จะไม่ถึงเป้าที่ 3 หมื่นล้านบาท ด้านโบรกชี้ราคาหุ้นพุ่งแรง 5.86% รับผลดีแจกเงินสด-กำไร Q3 โต ทั้ง YoY-QoQ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BRR (Bloomberg Consensus - บาท) ชี้ราคาน้ำตาลเข้าโหมดขาขึ้นยาว หลังเด้งขึ้นมาเร็วแตะ 21 เซ็นต์ต่อปอนด์ เหตุบราซิลผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกเผชิญภัยแล้ง เชื่อราคาไปได้อีกไกล ขณะที่บริษัทรับผลดีลานีญาดันหีบอ้อยปี 2567-2568 โดดแตะ 2.6 แสนตัน ท่ามกลางราคาน้ำตาลสูง ด้านธุรกิจแพ็กเกจจิ้งชานอ้อยกลับมาฮอต แย้มไตรมาส 3 โตต่อเนื่อง แม้ครึ่งปีแรกกำไรแล้ว 729 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) DITTO (Bloomberg Consensus 23.00 บาท) เผย "ดิจิทัลไฟล์" มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง โชว์พอร์ตลูกค้ารายใหญ่ กรมที่ดิน กรมศิลป์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ล่าสุดคว้างานโฉนดดิจิทัล แถมยังมีโครงการต่อเนื่อง กวาดรายได้เข้ากระเป๋าเพิ่ม มูลค่า 933.69 ล้านบาท ดันแบ็กล็อกทะลุ 5 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)