วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ อาจเริ่มเห็นแรงทำกำไรสลับ การเข้าซื้อเน้นตั้งรับ

นอกจากนี้ยังได้แรงส่งหลังการประชุมเฟดจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่งสัญญาณถึงการติดตามข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจเพิ่มเติมด้านนโยบาย ซึ่งอาจแปลได้ถึงการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของตลาดที่อาจผันผวนจากการขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อคืนเงินกู้ยืมสกุลเยน (Unwind Yen Carry Trade) อย่างไรก็ตาม โมเมนตัมเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง อาจเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศลงทุนหุ้นเอเชียและไทย และหนุนให้เกิดการสลับขายทำกำไร ซึ่งอาจทำให้บรรยากาศลงทุนระยะสั้นชะลอตัว

สถานการณ์น้ำท่วมใกล้ผ่านจุดสูงสุด บวกต่อการเงิน ค้าปลีกและธนาคาร สถานการณ์น้ำท่วม ณ ปัจจุบันเข้าสู่ช่วงใกล้สิ้นสุดฤดูฝน ซึ่งเรายังคงมุมมองน้ำท่วมรอบนี้ไม่รุนแรงเช่นปี 2554 เนื่องจาก 1) แม้ปริมาณฝนทั้งปี 54/60/65 ใกล้กัน แต่การท่วมในปี 54 เกิดจากน้ำที่มากผิดปกติในช่วง 4 เดือนแรก กระทบต่อระบบระบายน้ำ ซึ่งรอบนี้ไม่ได้เกิดขึ้น 2) ปริมาณน้ำในเขื่อนยังรองรับน้ำในระดับปัจจุบันได้อีก 2.5 เดือน ขณะที่ฤดูฝนกำลังจะจบลงใน 3 สัปดาห์ 3) อากาศหนาวจากจีนที่จะเคลื่อนเข้าในช่วง ต้น ต.ค. ช่วยจำกัดปริมาณฝน // ทั้งนี้หลังน้ำท่วมปี 54/6065 เราพบว่ากลุ่มการเงิน ค้าปลีก และธนาคาร มีราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในช่วง 2 ไตรมาส หลังน้ำท่วม (ต.ค.-มี.ค.) ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองการลงทุนของเราที่เน้นกลุ่มที่มีโมเมนตัมการเติบโตของกำไรแข็งแกร่ง โดยมี Top pick คือ MTC, CPALL, KBANK และ TNP (Not rated) // สำหรับหุ้นธีมได้ประโยชน์จากน้ำท่วม (ซ่อมแซมบ้าน/ถนน) อาทิ TASCO, HMPRO อาจต้องระวังแรงขายทำกำไร หลังสถานการณ์น้ำท่วมกำลังจะผ่านจุดสูงสุดและเข้าสู่หน้าหนาวที่น้ำลดลง

 

ภาพรวมกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรรายตัว และระวังแรงขายทำกำไรหุ้นธนาคารและสื่อสารหลังหมดระยะเวลาขอใบอนุญาต Virtual Bank (19 ก.ย.) ขณะที่ระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นกลุ่มคล้ายพันธบัตร อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ หลังผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อาจดีดตัวจากภาวะขายมากเกิน แต่ภาพรวมการปรับตัวลงเป็นโอกาสสะสม// อาจเลือกหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างกลุ่มท่องเที่ยว และการแพทย์ เราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA

แนวรับ: 1,425-1,435 / แนวต้าน : 1,460 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    SYNEX* (17) : ผลการดำเนินงานมีแรงส่งที่ดีจากการลงทุนเอกชน ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาเป็นปกติ อีกทั้งได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า  ตัดขาดทุน 14.70 บาท
•    TNP* (4) : สถานการณ์น้ำท่วมแม้ทำให้ต้องมีการปิด 4 สาขา แต่โดยรวมปิดเพียง 3-7 วัน และสามารกลับมาเปิดได้ตามปกติ ทำให้แทบไมได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ขณะที่บวกจากการบริโภคฟื้น และแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ ตัดขาดทุน 3.50 บาท  
•    VRANDA* (7) : ผลการดำเนินงานปีนี้ turnaround ได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การไม่มีขาดทุนของธุรกิจอาหาร และการโอนโครงการอสังหาฯ ตัดขาดทุน 5.30 บาท
•    SAMART* (8) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกลับมาของรายจ่ายภาครัฐฯ และการลงทุนด้าน IT/AI  ตัดขาดทุน 6.60 บาท

 ประเด็นที่น่าสนใจ  

-    ทรัมป์ลั่นไม่ดีเบตรอบ 2 ด้านแฮร์ริสตอบรับ CNN โต้วาทีอีกรอบ
-    "อนุสรณ์"เชียร์ปรับค่าแรงขั้นต่ำอัตราเดียวทั่วประเทศ ลดย้ายถิ่น-ดึง GDP สูงขึ้น
-    เพื่อไทยชูธง Entertainment complex ดึงเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นบนดิน สร้างรายได้ใหม่ให้รัฐบาล
-    รมช.คลังคาดชงร่างพ.ร.บ.กอช."หวยเกษียณ"เข้าครม.ต้น-กลางต.ค.หลังผลประชาพิจารณ์เห็นด้วย

 

-    เพลิงไหม้โรงงานผลิตพีวีซีในนิคมฯมาบตาพุดไร้เจ็บ อากาศกลับมาอยู่เกณฑ์มาตรฐาน
-    ราคาทองแดง พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน
-    ก.ล.ต.กล่าวโทษ “อดีตบอร์ด-ผู้บริหาร NUSA” พร้อมพวก 6 ราย
-    CPN แนะนำ ซื้อ เป้า 83 บาท
 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม 

23 ก.ย. – TH New Car Sales (Aug)
26 ก.ย. – Fed Chair Powell Speech
27 ก.ย. – US Inflation (PCE) (Aug)