วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ตลาดเริ่มมองไปยังงบที่กำลังจะประกาศ
บรรยากาศลงทุนในตลาดโลกยังโฟกัสกับเรื่องความขัดแย้งตะวันออกกลางและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรงราว 5% หลังหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่ากำลังหารือเรื่องการสนับสนุนการโจมตีของอิสราเอลต่อโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันของอิหร่าน
ทำให้นักลงทุนกังวลว่าการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันอาจทำให้การขนส่งน้ำมันทั่วโลกหยุดชะงัก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยังช่วยจำกัดการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบคือการที่ซาอุดิอาระเบียจะเริ่มทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิตตั้งแต่ ธ.ค. ขณะที่ค่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ (ISM) ก.ย. ออกมา 54.9 (เพิ่มขึ้น 3.4 จุด) ขยายตัวด้วยอัตราเร็วสุดนับจากต้นปี 2566 แสดงถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวสนับสนุนมุมมองที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอ
ตลาดเข้าสู่ช่วงระมัดระวังต่อผลประกอบการ การปรับขึ้นของตลาดหุ้นในช่วง ส.ค.-ก.ย.จากความชัดเจนด้านการเมือง , ความคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงความคาดหวังผลบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจีน รับรู้ในราคาหุ้นส่วนใหญ่แล้ว ขณะที่เข้าใกล้ช่วงประกาศผลประกอบการ ทำให้นักลงทุนจะเพิ่มความระมัดระวังในการเก็งกำไร ทั้งนี้แนวโน้มการปรับประมาณการกำไรของอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ดีขึ้นในช่วง ก.ค.-ส.ค. แต่หลัง ก.ย. ประมาณการกำไรส่วนใหญ่ถูกปรับลดลง โดยกลุ่มที่มีแนวโน้มการปรับเพิ่มประมาณการกำไรหรือไม่มีการปรับลดลงในช่วง 1 เดือนที่ผ่าน ได้แก่ อาหาร, รับเหมาก่อสร้าง, ธนาคาร, ขนส่ง, อิเล็กทรอนิกส์ และสื่อสาร แม้การปรับประมาณการลงส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง แต่เรามองมีโอกาสทำให้นักลงทุนชะลอการเก็งกำไร จนกว่าจะจบการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/67 ในช่วง กลาง พ.ย. ดังนั้นภาพรวมการเคลื่อนไหวช่วงสั้น จึงอาจเป็นลักษณะแกว่งออกข้างถึงซึมลง
ภาพรวมกลยุทธ์ “เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างกลุ่มท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารสัตว์เลี้ยงเราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS, ITC // หุ้นได้ประโยชน์จากจีนและ DR หุ้นจีน อาจชะลอจากการเข้าสู่ช่วงหยุดยาว 1-7 ต.ค. // หุ้นได้แประโยชน์ Data center: WHA, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN
แนวรับ: 1,425-1,435 / แนวต้าน : 1,465-1,490 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• BTG* (24) : กำไรไตรมาส 3/67 คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง และเป็น Laggards play ในกลุ่มอาหาร ตัดขาดทุน 21.90 บาท
• ITC* (25) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 แข็งแกร่งจากต้นทุนทูน่าที่ลดลง ขณะที่เดินหน้าเข้า high season ในช่วงไตรมาส 4/67 ตัดขาดทุน 22.90 บาท
• TFG* (5) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 แข็งแกร่ง ขณะที่ไตรมาส 4/67 คาดได้แรงหนุนจากกำลังซื้อที่เพิ่มจากมาตรการการแจกเงิน ตัดขาดทุน 4.08 บาท
• BC* (1.12) : ผลการดำเนินงานปีนี้เริ่มกลับมามี EBITDA และกำไรเป็นบวก และการขายโรงแรมตาม business model ทำให้สภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น อีกทั้งเป็นหุ้นที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ราคาปัจจุบันต่ำมูลค่าทางบัญชีที่ 1.12 บาท ตัดขาดทุน 0.85 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐสูงกว่าคาดในเดือนก.ย.
- สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด
- คลังจ่อออกมาตรการภาษี กระตุ้นใช้จ่ายปลายปีนี้ ยันไม่ใช่ ‘คนละครึ่ง’
- ผู้ถือหุ้น GULF ไฟเขียวควบรวม INTUCH พร้อมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด ADVANC และ THCOM
- ASW กวาดยอดพรีเซล 9 เดือนแรก 14,578 ล้าน ทะลุ 82% ของเป้าทั้งปี
- PRM ปิดดีล 200 ลบ.ซื้อกิจการ Shipping เดินหน้ากลยุทธ์ขยายธุรกิจโตแกร่งหนุนผลงานปี 67 เข้าเป้า
- หุ้น IPO ตลท.รับหุ้น OKJ เริ่มเทรด 4 ต.ค.ด้วยมาร์เก็ตแคป 4,080.30 ลบ.
- SPALI แนะนำ “ถือ” เป้า 20.30 บาท/ TU แนะนำ “ซื้อ” เป้า 18 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 ต.ค. – อัตราเงินเฟ้อไทย เดือน ก.ย.
10 ต.ค. – FOMC Minutes