วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ CPAXT - แนวโน้มดีต่อเนื่อง
same-store-sales ใน QTD ยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยโตในระดับเลขตัวเดียวต่ำ ๆ ทั้งในส่วนของธุรกิจค้าส่ง (makro) และ ค้าปลีก (Lotus’s ประเทศไทย และ มาเลเซีย) ทั้งนี้ เนื่องจากไตรมาสที่สี่มักจะเป็นช่วง peak ตามฤดูกาลของยอดขาย (ช่วงที่มีการเดินทางตามฤดูกาล และ หน้าเทศกาล)
เราจึงคาดว่าอัตราการเติบโตของ same-store-sales จะเป็นบวกในไตรมาสที่สี่ (ทั้งในส่วนของธุรกิจค้าส่ง และ ค้าปลีก) โดย samestores-sales ในงวด 9M67 ของธุรกิจค้าส่งอยู่ที่ 2.3% (เทียบสมมติฐานเต็มปีของเราที่ 3.0%) ในขณะที่same-stores sales Lotus’s ประเทศไทยอยู่ที่ 4.2% (เทียบสมมติฐานเต็มปีของเราที่ 4.0%) และ same-storesales ในงวด 9M67 ของ Lotus’s ประเทศมาเลเซียอยู่ที่ 4.5% (เทียบสมมติฐานเต็มปีของเราที่ 5.0%)
Margin เพิ่มขึ้นจากการเน้นขายอาหารสด และ private label
บริษัทยังคงเน้นคัดสรรสินค้า (โดยเฉพาะในหมวดอาหารสด, อาหารพร้อมรับประทาน และ อาหารพร้อมปรุง) และ ขายสินค้า private label เพื่อเพิ่ม margin ทั้งในส่วนของธุรกิจค้าส่ง และ ค้าปลีก โดยบริษัทสามารถเพิ่มสัดส่วนยอดขายอาหารสดในธุรกิจค้าส่งจาก 41% ใน 3Q66 เป็น 42% ใน 3Q67 และในธุรกิจค้าปลีกจาก 27% ใน 3Q66 เป็น 28% ใน 3Q67 ในขณะเดียวกัน ยอดขายสินค้า private label ของธุรกิจค้าส่งใน 3Q67 อยู่ที่ 17% ของยอดขาย ส่วนของธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ 11% ยอดขาย ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทสามารถเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้ประมาณ 20-30bps ในงวด 9M67 (ทั้งในธุรกิจค้าส่ง และ ค้าปลีก) เราจึงมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นได้ 30bps ตามสมมติฐานของเรา
คาดว่าจะเห็น Synergy จากการควบรวมกิจการบางส่วนในปี 2567
บริษัทยังคงตั้งเป้า synergy จากการควบรวมกิจการไว้ที่ประมาณ 1% ของยอดขายรวม หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่ง 50% จะรับรู้ผ่านกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการประหยัดต้นทุน อย่างเช่น การจัดหาสินค้าโดยตรง ในขณะที่อานิสงส์ด้านอื่น ๆ จะเกี่ยวกับ back office อย่างเช่นการควบรวมระบบ IT โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นอานิสงส์บางส่วนภายในสิ้นปีนี้ อย่างเช่น อานิสงส์จากค่าใช้จ่ายในการจัดหาสินค้าและ ด้านบุคลากร และ จะทยอยรับรู้ในอีก 3 ถึง 18 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ เราใส่อานิสงส์จาก synergy เข้ามาในสมมติฐานของเราบางส่วนผ่านอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น และ การคุมค่าใช้จ่ายSG&A โดยเราใช้สมมติฐานว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20bps ในปี 2568 และ คาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะอยู่ที่ 13.8% (จาก 13.9% ในปี 2567)
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และ ประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 39.00 บาท อิงจาก PER ที่ 33.0x
(ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่างหุ้นกลุ่มนี้ในประเทศไทยและในต่างประเทศ +1.5 S.D.)
Risks
เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ราคาสินค้าเกษตรลดลง, ขยายสาขาได้ช้ากว่าที่วางแผนไว้, disruption ที่เกิดจาก
เทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการในต่างประเทศ