วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก รีบาวนต์ตามดาวโจนส์
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยมีแรงขายกดดันจากหุ้น DELTA หลังตลาดหลักทรัพย์ประกาศให้ติด Cash Balance ขณะที่ความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนออกไป โดยในวันนี้นักลงทุนจับตาศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับ-ไม่รับ คำร้อง "ทักษิณ-เพื่อไทย" ล้มล้างการปกครอง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,440.46 จุด -22.02 จุด -1.51% มูลค่าการซื้อขาย 41,515 ลบ. Program Trading +1,244 ลบ. ต่างชาติ -1,442 ลบ. TFEX -63,114 สัญญา ตราสารหนี้ +1,924 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้น 461.88 จุด หรือ +1.06% จากแรงซื้อหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) และ นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 70.10 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังจากรัสเซีย และยูเครนต่างก็โจมตีกันด้วยขีปนาวุธ ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันอาจได้รับผลกระทบหากความขัดแย้งลุกลาม เป็นวงกว้าง
+ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแกร่ง ได้แก่ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายและต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 220,000 ราย ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 3.4%MoM สู่ระดับ 3.96 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.95 ล้านยูนิตจากการร่วงลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
+รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยว่าเตรียมแก้ไขกฎหมายโรงแรม ที่พัก เพื่อผลักดันโรงแรม โฮมสเตย์เข้าระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ปัจจัยลบ
- ดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกของสหรัฐร่วงลง สู่ระดับ -5.5 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ที่ระดับ +7.4 จากระดับ +10.3 ในเดือนต.ค. ดัชนีมีค่าเป็นลบ บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัวจากการชะลอตัวของ คำสั่งซื้อใหม่
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุน ให้น้ำหนัก 52% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากให้น้ำหนักมากถึง 72% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้น้ำหนักต่อคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและคงอัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้ 50/50
- สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนเพิ่มขึ้นหลังจากรัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) โจมตียูเครน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีอานุภาพร้ายแรงในการทำสงครามกับยูเครน
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสรีบาวนด์ตามดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้น 460 จุดจากยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวลงสู่ 213,000 รายซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ นอกจากนี้เรามองว่า DELTA ที่ปรับตัวลงได้ตอบรับการใช้มาตรการ Cash Balance ไปแล้วทำให้ในวันนี้แรงขายลดลง มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,433-1,450 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA
• MSCI Rebalance (ใช้ราคาปิด25 พ.ย.) : MSCI Global Standard : เข้า - ออก SCGP MSCI Global Small Cap : เข้า CCET ออก TQM
• รัฐเตรียมแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัย : CPALL CPAXT BJC TNP
หุ้นรายงานพิเศษ
SAPPE "ซื้อ" (Bloomberg consensus 86.99 บาท)
"กำไรสุทธิ 3Q67 -27%QoQ -6%YoY และ 9M67 +17%YoY"
•รายงานกำไรสุทธิ 3Q67 เท่ากับ 300 ลบ. -27%QoQ -6%YoY โดยมีรายได้จากการขาย 1,566 ลบ. -22%QoQ -15%YoY สาเหตุหลักมาจากยอดขายในยุโรป (สัดส่วน 18%) -44%YoY จากอุณหภูมิในช่วงฤดูร้อนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และแคมเปญ Global Ambassador วง Seventeen ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร อีกทั้งยอดขายในเอเชีย และตะวันออกกลาง (สัดส่วน 37% และ 12% ตามลำดับ) -2%YoY และ -5%YoY ตามลำดับ จากสภาพเศรษฐกิจและภาวะสงครามที่ยืดเยื้อ ขณะที่ยอดขายในประเทศ (สัดส่วน 24%) +28%YoY จากจุดแข็งด้านราคา และยังไม่มีคู่แข่งในตลาดโดยตรง มี %GP เท่ากับ 46.0% ลดลงจาก 47.1% ใน 2Q67 และ 46.2% ใน 3Q66 เนื่องจากเงินบาทแข็งค่า ทำให้มูลค่าการขายลดลง นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 21% ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 19.2% ลดลงจาก 20.6% ใน 2Q67 แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 19.1% ใน 3Q66 ทั้งนี้กำไรสุทธิ 9M67 เท่ากับ 1063 ลบ. +17%YoY
•การเพิ่มขึ้นอย่างมากของยอดขายตลาดต่างประเทศ และเพื่อให้สอดคล้องกับเป้ารายได้ 10,000 ลบ. ในปี 69 บริษัทวางแผนขยายโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่งในปี 68-69 ทำให้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นจาก 202 พันตัน เป็น 329 พันตัน ซึ่งบริษัทได้รับการลดหย่อนภาษีจาก BOI รวม 275 ลบ. ภายในระยะเวลา 5 ปี
•ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อผลประกอบการ 4Q67 คาดลดลง QoQ จากการเข้าสู่ช่วง Low season ขณะที่คาดเติบโต YoY จากฐานต่ำในปีที่ผ่านมา และคาดปี 67 เติบโตดี จากการขยายตลาด และช่องทางการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการเพิ่มกำลังการผลิต โดย Bloomberg consensus คาดกำไรสุทธิปี 67 ราว 1,269 ลบ. +18%YoY กำไร 9M67 คิดเป็น 84% ของประมาณการ ซื้อขายที่ P/E 19x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม 24x ราคาเหมาะสม 86.99 บาท มี Upside 10% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) AOT (Bloomberg Consensus 68.50 บาท) รายงานกำไรแตะ 19,182.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118.21% รายได้การบินเพิ่ม 39.23% ส่วนไม่ใช่การบินเพิ่ม 39.60% เที่ยวบินรวมแตะ 732,688 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารรวมทั้งหมด 119.29 ล้านคน ประกาศปันผลหุ้นละ 0.79 บาท เปิดตัวเลขคืนเงินคิงพาวเวอร์หลังขอพื้นที่เชิงพาณิชย์คืน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ICHI (Bloomberg Consensus 21.50 บาท) ปล่อย 5 สินค้าใหม่ควบคู่ส่งออก 1.2 แสนลัง หนุนยอดขายโค้งท้ายทรงตัวต่อเนื่อง ลั่นอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ สะท้อนจากงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 ทำได้แล้ว 25.7% ทั้งยังทดสอบไลน์ผลิตใหม่ เพิ่มกำลังการผลิตแตะ 1.7 ล้านขวดต่อปี รองรับงาน OEM น้ำมะพร้าว if ราว 4-5 ร้อยล้านบาทต่อเดือน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PTG (Bloomberg Consensus 10.51 บาท) มั่นใจผลงานโค้งท้ายเติบโตแข็งแกร่งทั้งธุรกิจ Oil และ Non Oil เดินหน้าขยายสาขากาแฟพันธุ์ไทย สถานีบริการน้ำมัน จุดชาร์จ EV ระบุโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์พลิกทำกำไร ไม่กังวลรัฐปรับสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลลงเหลือ 5% จากปัจจุบัน 7% ย้ำเป้ายอดขายปีนี้เติบโตตามเป้า (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BLC (Bloomberg Consensus - บาท) รับปัจจัยบวกจากนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ประกาศเพิ่มรายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ด้านสมุนไพรรวม 106 รายการ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการใช้ยาจากสมุนไพรแตะ 3,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 มุ่งลดการนำเข้ายา สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เร่งพัฒนานวัตกรรมสมุนไพร ด้วยเทคโนโลยีผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานเดียวกับยาแผนปัจจุบัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพสูงสุด (ที่มา ทันหุ้น)