วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ความผันผวนช่วงนี้เป็นโอกาสซื้อ
รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดตัวข้อจำกัดใหม่ที่เข้มงวดขึ้นในการเข้าถึงส่วนประกอบสำคัญสำหรับชิปและเครื่องมือการผลิตชิป AI สำหรับจีน อย่างไรก็ตามข้อจำกัดมีความเข้มข้นน้อยกว่าข้อเสนอแรก
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งในระดับไม่มากเกินไป สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ พ.ย. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.4 เพิ่มขึ้นจาก ต.ค.ที่ 46.5 และสูงกว่าคาดที่ 47.5 ขณะที่เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ พ.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.7 จาก ต.ค. 48.5
ตลาดติดตามข้อมูลทางเศรษฐกิจระหว่างรอการประชุมธนาคารกลางสำคัญในอีก 2-3 สัปดาห์: ปัจจัยกำหนดบรรยากาศลงทุนที่สำคัญ ยังเป็นการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องของการประชุมธนาคารขนาดใหญ่ อาทิ ECB (12 ธ.ค.), FED (13 ธ.ค.) ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 19 ธ.ค. โดยปัจจัยที่อาจเข้ามากระทบตลาดก่อนนั้น ได้แก่ 1) ถ้อยแถลงประธานเฟด (4 ธ.ค.) 2) การประชุมโอเปค (5 ธ.ค.) 3) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (6 ธ.ค.)
ทยอยสะสมหุ้นที่โมเมนตัมผลประกอบการในช่วง 4Q67-1Q68 แข็งแกร่ง: เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพการลงทุนหุ้นไทยช่วงปลายปี ที่มีแรงส่งทั้งจากนโยบายรัฐ, เม็ดเงินจากการลงทุนลดหย่อนภาษี รวมถึงจากผลประกอบการเอง เรามองเห็นหลายอุตสาหกรรมที่มีโมเมนตัมกำไรแข็งแกร่ง และมีปัจจัยหนุนด้านฤดูกาล ได้แก่ 1) ท่องเที่ยว ปีหน้ามีแคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 เป้าหมายนักท่องเที่ยว 38-39 ล้านคน 2) ค้าปลีก แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและเพิ่มกำลังซื้อ 3) การเงินและธนาคาร ผลการตั้งสำรองหนักมาตลอดปี ทำให้มีโอกาสที่กำไรไตรมาสนี้จะดีกว่าตลาดคาดจากการตั้งสำรองที่ลดลง 4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐ โดยหุ้นที่เราชอบได้แก่ AOT, ERW, SPA, DUSIT, CPALL, CPAXT, TNP, MTC, TIDLOR, KBANK, SAMART, SAMTEL, SYNEX, SIS
ภาพรวมกลยุทธ์ “ทดสอบ 1,438 จุด หากผ่านจะเป็นสัญญาณบวก มองต้นธ.ค.เป็นโอกาสทยอยซื้อ ให้น้ำหนักกับหุ้นที่โมเมนตัมผลประกอบการดีไปถึงไตรมาส 1/68 เราชอบกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก โดยคาดธนาคาร และการเงิน จะเป็นกลุ่มช่วยประคองบรรยากาศรวม // หุ้นที่ได้แรงหนุนจากรายจ่ายภาครัฐ ได้แก่ SYNEX, SIS, SAMART, CSS, CK, STECON // ผู้ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีควรทยอยซื้อ RMF, SSF, Thai ESG
แนวรับ: 1,430 แนวต้าน : 1,438-1,450 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• KBANK* (160) : โมเมนตัมการปรับประมาณการกำไรขึ้นยังคงเป็นบวก ขณะที่มีโอกาสรายงานกำไรไตรมาส 4 ดีกว่าคาดจากการตั้งสำรองไปมากแล้ว ตัดขาดทุน 149 บาท
• SHR* (2.80) : เก็งกำไรผลประกอบการเข้า high season และนักท่องเที่ยวช่วง พ.ย.-ธ.ค. เร่งตัวจากจุดต่ำสุด ต.ค. ตัดขาดทุน 2.34 บาท
• CPAXT* (37) : ผลการดำเนินงานอยู่ในโมเมนตัมของการปรับประมาณการกำไรขึ้น การปรับ LPF เป็น AXTRART ทำให้มีเงินในการซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติม ช่วยปรับสถานะทางการเงินของ CPAXT ตัดขาดทุน 33.25 บาท
• TNP* (4.10) : ผลการดำเนินงานเข้า high season ไตรมาส 4/67 ราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง PER 16x และยังมีโอกาสได้แรงหนุนจากนโญบายรัฐ ตัดขาดทุน 3.52 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- ดอลลาร์แข็งค่า หลัง "ทรัมป์" ขู่รีดภาษี BRICS 100%
- EA เพิ่มทุน RO 3.7 พันล้านหุ้น (1:1) ราคา 2 บาท พ่วงแจก W1 (3:1) ราคาใช้สิทธิ์ 4 บาท อายุ 3 ปี
- GULF ขายหุ้นบริษัทย่อย COCO ให้ Legendary Venture มูลค่า 1,931 ล้านบาท
- KBANK เข้าซื้อหุ้น“ทีทูพี โฮลดิ้ง” 50.16% บุกธุรกิจ “นาโน-โอนเงิน-ไอที”
- ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ ขึ้นแท่น ซีอีโอ OR คนใหม่
- ENERGY คงน้ำหนัก MARKETWEIGHT
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 ธ.ค. – US Non Farm Payrolls (Nov)