กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ปัจจัยภายนอกยังไม่แน่นอนสูง... กดดันฟันด์โฟลว์

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ปัจจัยภายนอกยังไม่แน่นอนสูง... กดดันฟันด์โฟลว์

คาด SET Index แกว่งลงต่อในสัปดาห์นี้ ฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังดูอ่อนแอ ในสัปดาห์ที่แล้ว (6-10 มกราคม) ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอเกินคาดอย่างมาก เนื่องจากเงินทุนต่างชาติกลับมาไหลออกอีกครั้ง ฉุดรั้งหุ้นหลักหลายตัว เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้

ข้อแรก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐวิ่งขึ้นต่ออีก สะท้อนถึงข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง และ ตลาดลดความคาดหวังเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยในปี 2568 ลง ดังนั้น ดัชนี US Dollar Index จึงยังคงขยับขึ้นต่อ และ ฉุดสินทรัพย์เสี่ยงในตลาด EM

ข้อที่สอง ความกลัวเกี่ยวกับสงครามการค้ากลับมาอีกครั้ง หลังจากว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump บอกสื่อมวลชนว่าอาจจะประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อตั้งกำแพงภาษี โดยในช่วงที่ผ่านมาท่าทีของ Trump เกี่ยวกับสงครามการค้ายังคงมา ๆ ไป ๆ อยู่

สำหรับสัปดาห์นี้ (13-17 มกราคม) เราคาดว่าดัชนี SET จะยังคงอ่อนแอ โดยอาจจะปรับลงต่อจากประเด็นการลงทุนดังต่อไปนี้

ประเด็นแรก หุ้นในตลาด EM น่าจะได้รับผลกระทบจากการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐวิ่งขึ้นมาแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธันวาคมของสหรัฐออกมาดีเกินคาด และ อัตราการว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 4.1% เราคิดว่านักลงทุนควรเตรียมตัวรับมือกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มจะอ่อนแอในระยะสั้น

ประเด็นที่สอง ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า 2.0 ที่กลับมาอีกครั้งน่าจะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศอยู่บ้างก็ตาม ทั้งนี้ ดังที่เราระบุไว้ในบทวิเคราะห์ปี 2568 ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือ เรามองว่าประมาณการอัตราการขายตัวของ GDP ปีนี้ที่ 2.8% ดูท้าทาย

 

 

 

ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจหลักของสหรัฐ และ จีน, ผลประกอบการ 4Q67 ของกลุ่มธนาคารไทย และปาฐกถาพิเศษโดยอดีตนายกฯ ทักษิณ

ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ อย่างเช่น ดัชนีเงินเฟ้อ CPI และ ยอดค้าปลีกเดือนธันวาคม ii) ความเห็นของผู้บริหาร Fed เกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงิน และ iii) การประกาศตัวเลข GDP 4Q67 ของจีน (17 มกราคาม) ซึ่ง consensus คาดว่า GDP รายไตรมาสของจีนจะโต 5.1% YoY จาก 4.6% YoY ใน 3Q67

ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ผลประกอบการ 4Q67 ของธนาคารไทย และ ii) ปาฐกถาพิเศษโดยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 13 มกราคม ว่าจะมีการให้แนวทางเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ และ ตลาดการเงินอย่างไร

หุ้นกลุ่มธนาคารน่าจะได้รับความสนใจมากขึ้น ขณะที่ธีมหลักยังเป็นไปตามหุ้นแนะนำ ม.ค. โดยเน้นกลุ่มการบริโภค ท่องเที่ยว และหุ้นงบฯ เด่น

เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ ธีมหุ้นที่จะจ่ายปันผลยังมีน้ำหนัก เราจึงมองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารของไทยอาจจะ outperform ในระยะสั้น โดยเรายังคงเลือก BBL* เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังควรใช้กลยุทธ์ตามธีมการลงทุนเดือนมกราคม อย่างเช่น กลุ่มการบริโภค (COM7*, CRC*) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT*) รวมทั้งหุ้นที่แนวโน้มงบฯ ไตรมาส 4 แข็งแกร่ง เช่น AU