Bitkub แนะ 4 วิธีบริหารความเสี่ยง คริปโทฯ ปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะกับภาวะตลาด

Bitkub แนะ 4 วิธีบริหารความเสี่ยง คริปโทฯ  ปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะกับภาวะตลาด

ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในโลก ส่งผลให้ตลาดการลงทุนต่างเข้าสู่ภาวะซบเซา ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีก็เช่นกัน ซึ่งนี่เป็นไปตามวัฏจักรของตลาดที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ

สำหรับนักลงทุนในตลาดคริปโทฯ Bitkub จะมีวิธีบริหารความเสี่ยงเพื่อเอาตัวรอดจากสภาวะต่าง ๆ ของตลาดอย่างไรบ้าง เรามาดู 4 วิธีบริหารความเสี่ยง ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับตลาดกันเถอะ!

1.ฝึกดู Graph Pattern วิเคราะห์แนวโน้มตลาด

การดูการเคลื่อนไหวของกราฟราคาหรือ Graph Pattern เรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานที่นักเทรดสายเทคนิคต้องทำเป็น เพราะ Graph Pattern นอกจากจะช่วยวิเคราะห์ได้ว่าราคาจะไปทางไหนต่อแล้ว ยังสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยว่าราคาจะเกิดการกลับตัวหรือไม่ นักเทรดก็จะสามารถวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมได้กับทุกสถานการณ์

ทั้งนี้ การจะตี Graph Pattern ได้ เราต้องรู้จักการหาแนวรับ-แนวต้านก่อน โดยเบื้องต้นนั้นแนวรับ-แนวต้านเราสามารถดูได้จากระดับต่ำสุดและสูงสุดของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นให้ลากเส้นจากระดับต่ำสุดหนึ่งไปอีกระดับต่ำสุดหนึ่ง เช่นเดียวกันกับระดับสูงสุด เมื่อทำเช่นนั้นแล้วเราก็จะได้เส้น 2 เส้นเป็นกรอบให้กับราคา และเราก็จะกรอบนั้นในการดู Graph Pattern นั่นเอง

Graph Pattern สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 1) Reversal Pattern ที่เป็นสัญญาณของการกลับตัว และ 2) Continuation Pattern ที่เป็นสัญญาณว่าราคาจะดำเนินไปในทิศทางเดิมต่อ โดยตัวอย่างที่เรามีโอกาสเห็นได้บ่อย ๆ มีดังต่อไปนี้

Bitkub แนะ 4 วิธีบริหารความเสี่ยง คริปโทฯ  ปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะกับภาวะตลาด

 

-Double Bottom / Double Top การเคลื่อนไหวแบบนี้เป็นสัญญาณของการกลับตัวของราคา ยกตัวอย่าง Double Top ซึ่งจะเป็นกรณีที่กราฟราคาวิ่งขึ้นไปชนแนวต้านแล้วเด้งลงมาติดกัน 2 ครั้งใน (กราฟจะมีลักษณะคล้ายตัว M) ซึ่งเป็นสัญญาณว่าราคาอาจกลับตัวมาลงได้ ส่วน Double Bottom ก็จะตรงกันข้ามกับ Double Top คือการที่ราคาลงมาชนแนวรับ 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน (กราฟจะมีลักษณะคล้ายตัว W) จึงเป็นสัญญาณว่าราคาอาจกลับตัวเป็นขาขึ้นได้

Bitkub แนะ 4 วิธีบริหารความเสี่ยง คริปโทฯ  ปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะกับภาวะตลาด

Head and Shoulders / Inverse Head andShoulders เป็นลักษณะกราฟที่มีรูปร่างคล้ายกับหัวและไหล่ของคน กราฟแบบนี้เป็นสัญญาณว่าทิศทางที่กำลังเกิดขึ้นอาจจะสิ้นสุดในอีกไม่นาน หรือ ReversalPattern เช่น Head and Shoulders ที่มักจะเกิดในช่วงขาขึ้น เป็นสัญญาณว่าทิศทางขาขึ้นอาจสิ้นสุดลง ขณะที่Inverse Head and Shoulders ที่เป็นลักษณะแบบกลับหัว (Inverse) มักจะเกิดในช่วงขาลง และเป็นสัญญาณว่าขาลงกำลังจะสิ้นสุดลงนั่นเอง

Bitkub แนะ 4 วิธีบริหารความเสี่ยง คริปโทฯ  ปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะกับภาวะตลาด

Wedge / Flag / Pennant สังเกตได้ว่าลักษณะนี้เป็นการที่กรอบราคาจะค่อย ๆ บีบอัดกันเข้ามาเรื่อย ๆ โดยที่กรอบราคาก็ค่อย ๆ ยกสูงขึ้นหรือต่ำลงเช่นกัน ซึ่งลักษณะนี้เป็นไปได้ทั้งสัญญาณของการกลับตัวและสัญญาณว่าจะไปต่อ ขึ้นอยู่กับว่าราคาจะหลุดกรอบไปในทิศทางไหน เมื่อเห็นสัญญาณเช่นนี้ นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรหรือตัดขาดทุนออกไปส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันความเสี่ยง

นอกจากนี้ ยังมี Graph Pattern อื่น ๆ อีกมากมายเลย แต่ถ้านักเทรดเข้าใจตัวอย่างที่ยกมานี้แล้ว การเรียนรู้รูปแบบอื่น ๆ ต่อก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะ!

 

2.เข้าใจพื้นฐานของเหรียญ เสริมสร้างความมั่นใจ

เหรียญทุกเหรียญที่อยู่บน Bitkub ต่างถูกสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์และมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่าง Bitcoin ที่ถูกสร้างขึ้นให้มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญเพื่อป้องกันผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ หรือ Ethereum ที่เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่สามารถใช้ Smart contract โดยมีเหรียญ Ether (ETH) เป็นเหมือนค่าธรรมเนียมในการใช้งาน Smart contract และแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย

เพราะฉะนั้น หากเรามีความเข้าใจในคุณสมบัติของเหรียญที่เราถือจะช่วยให้เรามีความมั่นใจในเหรียญนั้นมากขึ้น เหมือนกับการถือหุ้นของบริษัทเพราะเราเชื่อมั่นในตัวบริษัท ทีมบริหาร หรือมองเห็นโอกาสเติบโตทางธุรกิจของบริษัทนั้น ๆ นั่นเอง

 

3.หมั่นอดออม สะสมจากก้อนเล็กเป็นก้อนโต ด้วยกลยุทธ์ DCA

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมและน่านำมาใช้ที่สุดในภาวะเช่นนี้ ก็คือ DCA หรือ Dollar-Cost Averaging นั่นเอง โดยกลยุทธ์นี้สามารถอธิบายได้ง่าย ๆ ว่าเป็นการ “ลงทุนแบบสม่ำเสมอด้วยเงินทุนที่เท่า กันทุกเดือน” โดยไม่สนใจว่าราคาสินทรัพย์ที่ซื้อ ณ ตอนนั้นจะอยู่ที่เท่าไหร่

ยกตัวอย่าง กำหนดว่าจะซื้อ Bitcoin เป็นมูลค่า 3,000 บาท เท่ากันทุก ๆ เดือน โดยไม่สนใจราคาของ Bitcoin ที่เข้าซื้อในแต่ละเดือน

ถ้าเราเข้าใจและเชื่อมั่นในปัจจัยของเหรียญแล้ว เราก็สามารถทำ DCA ได้ แม้จะอยู่ในภาวะที่ตลาดซบเซาเช่นนี้ และการทำ DCA ในช่วงที่ราคาลง ยังทำให้นักลงทุนได้จำนวนเหรียญที่มากขึ้นอีกด้วย

4.เปลี่ยนมาถือ Stablecoin เพื่อบริหารความเสี่ยง

เหรียญ Stablecoin ก็คือเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ โดยบน Bitkub มีอยู่ 3 เหรียญ คือ USDT, USDC, และ DAI

วิธีที่เหรียญเหล่านี้ทำให้ตัวเองมีมูลค่าคงที่ได้ วิธีแรกคือการนำเหรียญไปผูกกับสินทรัพย์อื่น ซึ่ง USDT และ USDC ก็ได้นำเหรียญไปผูกไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มูลค่าของเหรียญมีความใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์แทบตลอดเวลา

อีกวิธีหนึ่งก็คือเหรียญ DAI ที่จัดเป็น Algorithmic Stablecoin โดย DAI สามารถรักษามูลค่าให้ใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์ได้ผ่านการใช้ Smart contract ควบคุมอุปทานของเหรียญแทนที่จะนำเหรียญไปผูกกับเงินดอลลาร์

เนื่องจาก Stablecoin มีมูลค่าที่ค่อนข้างคงที่ การเปลี่ยนมาถือ Stablecoin ส่วนหนึ่งในช่วงที่ตลาดเกิดความผันผวน ก็เป็นวิธีช่วยบริหารความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนที่น่าสนใจอีกหนึ่งวิธีนั่นเอง

สำหรับสภาวะตลาดเช่นนี้ วิธีบริหารความเสี่ยงที่ดีที่สุดก็คือการหมั่นติดตามข่าวสาร หาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนหรือสินทรัพย์ที่สนใจลงทุนเสมอ รวมทั้งทำความเข้าใจว่าตลาดย่อมมีวัฏจักรขึ้นและลงสับเปลี่ยนกันไป