ถอดบทเรียน FTX โดมิโนเอฟเฟกต์ พลิกเกมวงการ ’คริปโท’ กับ 1 ปีที่เปลี่ยนแปลง
เหตุการณ์โดมิโนเอฟเฟกต์ในวงการคริปโทเคอร์เรนซี ต้นตอจากเว็บเทรด FTX ที่ประสบปัญหา "ขาดสภาพคล่อง" ซึ่งได้รับแรงสั่นสะเทือนมาจากวิกฤติ เหรียญสเตเบิลคอยน์ Terra-Luna ล่มสลายในช่วงก่อนหน้าไม่กี่เดือน ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นแพลตฟอร์มคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐรองจากไบแนนซ์
จุดเริ่มต้นหายนะวงการคริปโทเคอร์เรนซี
เริ่มต้นจาก FTX หยุดการถอนชั่วคราว เป็นการส่งสัญญาณให้วงการคริปโทเคอร์เรนซีเริ่มสงสัยถึงความผิดปกติ เรื่องราวชัดเจนขึ้นเมื่อเอกสารทางการเงินสะท้อนวิกฤติทางการเงินของ FTX และบริษัทย่อยที่อยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่ ทำให้ แซม แบงก์แมน ฟรีด (Sam Bankman-Fried) อดีต CEO ของ FTX ต้องยื่นฟ้องล้มละลาย นับเป็นวันที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ของคริปโทเคอร์เรนซี
ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี กลับกลายเป็นข้อพิสูจน์ของผู้เล่นในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี และทำให้อุตสาหกรรมเกิดการปฏิวัติตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งเป็นบทเรียนให้กับนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น และการกำกับดูแลด้านคริปโทเคอร์เรนซี ที่ต้องเข้มงวดมากขึ้น
ในช่วงแรกหลังจากเกิดวิกฤติ ต้องยอมรับว่า “ความเชื่อมั่น” ของนักลงทุนในตลาดคริปโท หายไป ทั้งในแง่ของวอลุ่มซื้อขาย ทำให้ราคาเหรียญสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ตลาดขาลง และมูลค่าการลงทุนจาก VC ต่างๆ ในอุตสาหกรรมก็ลดลงตามไปด้วย
รวมทั้งข้อสังเกตว่า “อุตสาหกรรมคริปโท” กำลังถูกเหล่าอาชญากรในโลกไซเบอร์ใช้เป็นช่องทางในการหลอกลวง ต้ม ตุ๋น จากเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่ไม่มีตัวตนชัดเจนในโลกของความเป็นจริง และด้านลบของคริปโท ถูกตีแผ่มากขึ้น
ฮิลารี อัลเลน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากวิทยาลัยกฎหมายมหาวิทยาลัยอเมริกัน วอชิงตัน กล่าวถึงผลกระทบของคริปโท ต่อเสถียรภาพทางการเงินว่า “อุตสาหกรรมนี้ยังคงเสนอสินทรัพย์ที่สามารถสร้างขึ้นจากอากาศด้วยการกำหนดมูลค่า”
พลิกเกมวงการคริปโท
แอรอน บราวน์ นักลงทุนคริปโท นักเขียนบน Bloomberg Opinion กล่าวว่า “FTX เป็นเพียงจุดสุดยอดของการล่มสลายของคริปโท ในหนึ่งปีที่ผ่านมา เกิดฟองสบู่แตกในตลาดคริปโท ทั้งมูลค่าตลาดคริปโทลดลง รวมทั้งตลาด NFT ก็ร่วงยกแผง
หนึ่งในมุมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดของคริปโท คือ NFTs ซึ่งมีชื่อเสียงจากคอลเลกชันต่างๆ เช่น การ์ตูนบิชอพของBored Ape Yacht Club และตัวละครพิกเซลของ CryptoPunks การซื้อขาย NFT รายสัปดาห์ลดลงต่ำกว่า 50% เมื่อ FTX ล้มละลาย
กระตุ้นหน่วยงานกํากับดูแลเข้มข้นขึ้น
ความผิดพลาดของ FTX ปลุกให้รัฐบาลทั่วโลกให้ตื่นตัวถึงความต้องการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ในระยะสั้น ก.ล.ต. และ Commodity Futures Trading Commission ของสหรัฐไล่ฟ้องแพลตฟอร์มชั้นนําของ ไบแนนซ์(Binance) พร้อมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Changpeng “CZ” Zhao) และแพลตฟอร์มอื่นๆ อย่าง Coinbase Global Inc. และ Kraken
เจคอบ โจเซฟ นักวิเคราะห์วิจัยจากบริษัทวิเคราะห์คริปโต CCData กล่าวว่า “หน่วยงานกํากับดูแลได้เพิ่มการควบคุมดูแลการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ตั้งแต่การล่มสลายของ FTX”
ไม่เพียงแต่สหรัฐเท่านั้น ฟากของสหภาพยุโรปได้เพิ่มกฎระเบียบในตลาดคริปโทในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นกรอบกฎหมายใหม่สําหรับอุตสาหกรรม ทั้งฮ่องกง และดูไบก็ได้เพิ่มการกำกับดูแลแบบใหม่ เพื่อควบคุมพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในตลาดคริปโท พร้อมกับวางตัวเองเป็นศูนย์กลางสําหรับอุตสาหกรรม
ซีซี่ ซีอีโอของไบแนนซ์ ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลในวงการคริปโทเพียงคนเดียวที่ถูกเพ่งเล็ง ในช่วงปีที่ผ่านมา หนึ่งปีหลังจากเซลเซียสยื่นฟ้องล้มละลาย ยังมี Alex Mashinsky อดีตซีอีโอ เซลเซียส(Celcius)ถูกจับและถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง
และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Bankman-Fried ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกง และสมรู้ร่วมคิด 7 กระทงหลังจากการพิจารณาคดีที่ยาวนานถึงหนึ่งเดือน
Cory Klippsten ซีอีโอของบริษัทบริการทางการเงิน Bitcoin Swan กล่าวว่า “คําตัดสินความผิดของ อดีตซีอีโอFTX แสดงให้เห็นว่าผู้กระทําความผิดในการหลอกลวงประเภทนี้จะต้องเผชิญกับกฎหมายและต้องทนทุกข์จากการกระทำของพวกเขาในที่สุด”
เช่นเดียวกับในประเทศไทย ซึ่งเหตุการณ์โดมิโนเอฟเฟกต์กระทบถึงประเทศไทย จากที่ ซิปเม็กซ์ ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตภายใต้การดูแลของก.ล.ต. เป็นหนึ่งในคู่ค้าของ เซลเซียส จนนำไปสู่ปัญหาสภาพคล่อง
ทำให้ก.ล.ต.ไทยเร่งพัฒนาการควบคุมดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรักษาผลประโยชน์ของนักลงทุนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกฏเกณฑ์ด้านการบริหารของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือการพิจารณาการออกใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น
กระทบ VC ชะลอลงทุน
ในช่วงปี 2564 ถึงต้นปี 2565 ผู้ร่วมทุนรายใหญ่ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับสตาร์ตอัปที่เพิ่งเริ่มต้น แต่การล่มสลายของ FTX ทำให้เงินทุนในตลาดคริปโทลดลง 63% ลดลงไปแตะที่ระดับ 2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลจาก PitchBook
ทำให้นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดคริปโทต้องคำนึงถึงการตรวจสอบภูมิหลังของผู้ก่อตั้งบริษัท และขอข้อมูลเป็นตัวชี้วัดความมั่นคงของบริษัท เช่น รายได้และการเติบโตของลูกค้า มากกว่าการทราบแค่แผนธุรกิจ
สตาร์ตอัปเองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน โดยเลือกที่จะเปิดตัวธุรกิจในสถานที่ต่างๆ เช่น สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ซึ่งถูกมองว่าเป็นมิตรกับคริปโทมากกว่าสหรัฐ
หนทางสู่ DeFi
การล่มสลายของ FTX ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ (CeFi) ได้กระตุ้นความสนใจในการเงินแบบกระจายอํานาจ (DeFi) อีกครั้ง สะท้อนจากเกิดบริษัท DeFi ใหม่ๆ ในตลาดที่เกี่ยวกับอนุพันธ์ และผลิตภัณฑ์ที่มีโครงสร้างบริษัทที่ให้ความสำคัญเรื่องความโปร่งใสมากขึ้น และพบว่ามูลค่าของคริปโทบนแอปพลิเคชัน DeFi ดีดตัวขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นการพิสูจน์ได้ว่าธุรกิจใดมีความมั่นคง สามารถอยู่รอดผ่านช่วงขาลงของตลาดไปได้ และอุตสาหกรรมมีการพัฒนาเพื่อรองรับการใช้งานตลาดในอนาคต ที่คาดว่าจะต้องเติบโตมากขึ้นจากปัจจุบัน จากที่กลุ่มสถาบันการเงิน หรือผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาในตลาดมากขึ้น
อ้างอิง Bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์