บลจ.บีแคป ตั้งเป้า ปีนี้ AUM แตะ7.5 หมื่นล้าน จับมือพันธมิตรรุกลงทุนทางเลือก

บลจ.บีแคป ตั้งเป้า ปีนี้ AUM แตะ7.5 หมื่นล้าน จับมือพันธมิตรรุกลงทุนทางเลือก

บลจ.บีแคป กางแผนธุรกิจปี 2566 รุก Alternative Investment จับมือพันธมิตรหลากหลายระดับโลก ออกกอง ไพรเวท แอสเส็ท และเฮดจ์ฟันด์เพื่อกระจายความเสี่ยงตลาดผันผวน ตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้บริหาร หรือ AUM อยู่ที่ 7.5 หมื่นล้าน

นางเมธ์วดี  ประเสริฐสินธนา  กรรมการผู้จัดการ บลจ.บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566  มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) อยู่ที่  63,432 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่ารวม   60,557 ล้านบาท  ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับภาพรวมอุตสาหกรรมที่ลดลง ถือว่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทมีการเติบโตที่โดดเด่นกว่าตลาด

สำหรับปี 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมี สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 75,000 ล้านบาท โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารเติบโตเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากความร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ออกกองทุน การลงทุนทางเลือก(Alternative Investment) ที่มีความหลากหลาย เช่น Hedge Fund, Private Real Estate เติมเต็มโมเดลพอร์ตการลงทุนให้ครบถ้วน สำหรับลูกค้า Wealth ของธนาคารกรุงเทพ

แนวโน้มการลงทุนใน Public Market  ในปี 2023  ยังมีความผันผวนสูง  บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์หันไปเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Private Market ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วย รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยง  

ทั้งนี้ บลจ.บีแคป ประเมินว่าการลงทุนใน Public Market จะมีความผันผวนที่สูง และสร้างผลตอบแทนต่ำลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด โดยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า มองว่าการลงทุนใน Public Market มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มคงอยู่ในระดับสูง อีกทั้งสภาพคล่องถูกถอนออกจากระบบ 

ดังนั้น ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.บีแคป แนะนำว่า ควรกระจายการลงทุนมาสู่การลงทุนทางเลือกอื่นๆ มากขึ้น เช่น การลงทุน Private Market เช่น การปล่อยกู้ยืมนอกตลาด (Private Debt) หุ้นนอกตลาด (Private Equity) อสังหาริมทรัพย์นอกตลาด (Private Real Estate) และการลงทุนใน Hedge Fund โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่น พวก Multi-Strategy และ Arbitrage Strategy เป็นต้น 


“ บลจ.บีแคป มองว่าการลงทุนใน Private Market สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาด แต่อาจจะมาพร้อมความเสี่ยงที่มากกว่า แต่เราสามารถจำกัดความเสี่ยงได้ โดยการอาศัยผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในการแสวงหาสินทรัพย์ และบริษัทนอกตลาดที่จะลงทุนแทนเราได้  ซึ่งที่ผ่านมา บลจ.บีแคป มีการออกกองทุนลักษณะนี้มาบ้างแล้ว โดยร่วมกับผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญคือ Pictet และ Vista Equity Partners  ซึ่งได้รับการตอบที่ดีจากนักลงทุนW"

ด้าน ดร.ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บลจ.บีแคป กล่าวว่า  บริษัทประเมินว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงในปี 2023 จนอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว และอาจจะมีบางประเทศเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะเวลาสั้นๆ ได้ จากผลกระทบการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของเฟด ในปี 2022 เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงสุดขึ้นในรอบ 40 ปี แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แต่ประเมินว่าภาคแรงงานที่ยังมีความแข็งแกร่งอยู่มากจะส่งผลให้เฟด ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้ง และเงินเฟ้อปลายปีจะยังคงอยู่ในเหนือเป้าหมายที่เฟด ตั้งเป้าไว้ที่ 2% ทำให้ยังไม่เห็นนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (easing policy) หรือมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว 
ผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว จะส่งผลต่อรายได้ และกำไรของบริษัทจดทะเบียน แต่ราคาหุ้นได้ปรับลงมารับข่าวแล้ว จุดต่ำสุดของราคาหุ้นจึงน่าจะผ่านไปแล้ว อีกทั้งการเปิดประเทศของจีนจะมีส่วนช่วยกระตุ้น sentiment การลงทุนในระยะสั้นๆ ได้เป็นอย่างดี 


ทั้งนี้ บลจ.บีแคป ประเมินว่าตลาดยุโรป และตลาดเกิดใหม่มีความน่าสนใจที่จะทยอยเข้าไปลงทุนมากเป็นพิเศษ เนื่องจากทั้งสองภูมิภาคมีความยึดโยงกับเศรษฐกิจประเทศจีนค่อนข้างสูงทั้งในแง่การท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้าสู่ประเทศจีน อีกทั้ง PE Ratio อยู่ในระดับต่ำกว่าที่อื่นๆ แม้ว่าในยุโรปอาจจะมีความเสี่ยงการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย แต่ด้วยราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลงมา ก็ทำให้แรงกดดันตรงนี้ลดลงตามไปด้วย

สำหรับหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ โดยรวมเรายังถือกลุ่ม Defensive Factor เป็นหลัก และเริ่มมีการทยอยสะสมกลุ่ม Growth Factor เข้ามาบ้าง บางส่วนโดยเฉพาะหุ้นเทคฯ จีน และเทคฯ ขนาดใหญ่ในสหรัฐ ที่มีสัดส่วนรายได้สม่ำเสมอจาก Cloud Business และ Data Center เป็นต้น

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์