บริษัทจัดการลงทุนแห่งใหญ่ของยุโรปเพิ่งออกบทวิเคราะห์ในรอบ 5 ปี
ในช่วงทุกๆ ปลายปีของทุกปี บริษัทจัดการสินทรัพย์การลงทุนแห่งใหญ่ๆของโลกจะออกบทวิเคราะห์และทำนายเศรษฐกิจของตัวเองออกมา
บทวิเคราะห์ที่จะบอกว่าเขาคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ว่าอย่างไรบ้าง คิดว่าปีหน้าอันใกล้นี้สินทรัพย์ตัวไหนจะมา สินทรัพย์ตัวไหนจะขึ้นและลง ซึ่งตอนนี้เจ้าใหญ่ๆดังๆทั่วโลกต่างพากันออกบทวิเคราะห์ออกมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Blackrock Goldman Sachs Fidelity และ Vanguard
แต่มีอยู่บริษัทจัดการสินทรัพย์อยู่แห่งหนึ่ งที่ออกบทวิเคราะห์แทนที่จะออกทุกปี เขากลับเลือกที่จะออกทุก 5 ปี เพราะเขามองว่าการลงทุน เราลงทุนทั้งทีเราควรมองเกมระยะยาวของสินทรัพย์นั้นๆ มากกว่าเพียงแค่ปีต่อปี
ซึ่งก็พูดถูกเพราะหากย้อนกลับไปดูจำนวนวันที่ตลาดหุ้น S&P 500 ของสหรัฐเป็นบวกจะพบว่าภายในระยะเวลา 1 ปีโดยเฉลี่ยแล้วจำนวนวันที่เป็นบวกจะอยู่ที่ร้อยละ 68 แต่ถ้า 5 ปีจะกลายเป็นร้อยละ 80 เลยทีเดียว
Robeco บริษัทบริหารสินทรัพย์ระดับโลก ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในเมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี 2572 เป็นบริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนที่หลากหลาย
ความเชี่ยวชาญของ Robeco ครอบคลุมในด้านต่างๆ เช่น ตราสารทุน ตราสารหนี้ การลงทุนที่ยั่งยืนหรือ ESG ซึ่งเป็นบริษัทแรกๆของโลกที่นำเสนอเรื่องราวของการลงทุนที่ยั่งยืนอีกด้วย การลงทุนเชิงปริมาณ และโซลูชันหลายสินทรัพย์
ปัจจุบัน Robeco มีสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การจัดการมากกว่า 1.81 แสนล้านเหรียญ ซึ่งหากนับความยิ่งใหญ่ของมูลค่าสินทรัพย์ที่ Robeco ถืออยู่นั้นก็เทียบเท่าประมาณร้อยละ 40 ของจีดีพีประเทศไทยที่เมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.95 แสนล้านเหรียญ
ในบทวิเคราะห์จำนวน 132 หน้าของ Robeco นั้นได้เปิดเผยแนวโน้มทุกๆ 5 ปี โดยเน้นย้ำถึงพลวัตทางอำนาจที่สำคัญ 3 ประการที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า
พลวัตเหล่านี้รวมถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ความเป็นอิสระของธนาคารกลาง และความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์
รายงานคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะลดลงต่ำกว่า 3% ยกเว้นในสถานการณ์หมี ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุน เนื่องจากหุ้นและพันธบัตรมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามเมื่ออัตราเงินเฟ้ออยู่ภายใต้เกณฑ์นี้
ประเด็นสำคัญจากรายงานของ Robeco ได้แก่
1.ความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานเทียบกับทุน: บริษัทต่างๆ ได้เปลี่ยนการผลิตในต่างประเทศเพื่อใช้ประโยชน์จากค่าแรงที่ถูกกว่า แต่แนวโน้มต่างๆ เช่น การปรับปรุงชายฝั่งและความกังวลเรื่องสภาพภูมิอากาศอาจเปลี่ยนแปลงพลวัตนี้
การปฏิวัติด้าน AI คาดว่าจะยังคงให้ประโยชน์ต่อธุรกิจมากกว่าตัวบุคคล จึงทำให้คนจะว่างงานและถูกออกจากงานในอนาคตเพิ่มมากขึ้น
2.นโยบายการคลังกับนโยบายการเงิน: รัฐบาลสนับสนุนเศรษฐกิจด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ ในขณะที่ธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยไว้ต่ำ อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมายในขณะนี้ ธนาคารกลางจึงมีโอกาสน้อยที่จะใช้นโยบายกระตุ้น โดยมุ่งเน้นไปที่เสถียรภาพของราคาแทน
ซึ่ง Robeco เน้นย้ำตรงจุดนี้ว่ามีความน่ากังวลอยู่ระหว่างการงัดข้อกันระหว่างธนาคารกลางกับรัฐบาลในแต่ละประเทศ เพราะนโยบายทางการคลังและการเงินที่แตกต่างกัน
3.เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์กับความไม่มั่นคง: ความกล้าแสดงออกของจีนและการสู้รบของรัสเซียมีส่วนทำให้เกิดความไม่มั่นคงทั่วโลก ซึ่งอาจนำไปสู่การออกกฎระเบียบมากขึ้น การใช้จ่ายทางทหารที่เพิ่มขึ้น และการค้าในตลาดเสรีน้อยลง
ซึ่ง Robeco ได้มองจุดที่น่าระวังหรือมีโอกาสเกิดสงครามขึ้นได้เช่นที่ ไต้หวัน อิหร่าน และตรงคราบสมุทรทะเลจีนตอนใต้
Robeco สรุปผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นไปได้สามประการ:
กรณีฐาน (ความน่าจะเป็นร้อยละ 55): ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อยในปี 2567 โดยอัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2% ส่งผลให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงกว่า 3% ภายในปี 2568 ส่งผลให้จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
กรณีกระทิง (ความน่าจะเป็นร้อยละ 30): การเติบโตที่สูงกว่าแนวโน้มและอัตราเงินเฟ้อตามเป้าหมาย ซึ่งได้แรงหนุนจากการนำ AI มาใช้และแพร่กระจายไปทั่วภาคส่วนต่างๆ สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นการฟื้นตัวของความไว้วางใจซึ่งกันและกันและการคลายข้อจำกัดทางการค้า
กรณีหมี (ความน่าจะเป็นร้อยละ 15): สถานการณ์ที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงและการเติบโตต่ำ หรือภาวะเงินเฟ้อติดขัด ซึ่งเป็นผลมาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การใช้จ่ายทางการทหารที่เพิ่มขึ้น และค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
โอกาสในการลงทุนที่ทาง Robeco มองเห็น หุ้นญี่ปุ่นดูเหมือนถูก หุ้นสหรัฐฯ ดูแพง อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ อาจทำงานได้ดีหาก AI เริ่มได้รับความนิยม เนื่องจากมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI ชั้นนำหลายแห่ง
หุ้นในตลาดเกิดใหม่อาจให้ผลตอบแทนสูง เนื่องจากมูลค่าที่ต่ำกว่า Robeco แนะนำให้ลงทุนในหุ้นอย่างระมัดระวัง เมื่อเทียบกับความเสี่ยงด้านตราสารหนี้ในช่วงนี้ของวงจรเศรษฐกิจพันธบัตรสามารถกระจายพอร์ตการลงทุนหุ้น โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเฉลี่ยต่ำกว่า 3% ในสถานการณ์ส่วนใหญ่
รายงานของ Robeco เน้นย้ำถึงความสำคัญของการติดตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อตลาดและเศรษฐกิจโลก ซึ่งมองเห็นทั้งภาพของการเมือง เศรษฐศาสตร์ระดับมหภาค ที่จะมีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับการเมืองระหว่างประเทศในอนาคตมากยิ่งขึ้น และเหตุสงครามที่อาจจะทวีความรุนแรงในอนาคต
อย่างไรก็ตามการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อนตัดสินใจนะครับ.