กสิกรไทย จัดฟอรัม EARTH JUMP 2024 ยกระดับธุรกิจไทย สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
กสิกรไทยจัดฟอรัมใหญ่ EARTH JUMP 2024 รวมวิทยากรระดับโลกและไทย ชี้เป็นสัญญาณดีร่วมยกระดับธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ นักธุรกิจกว่า 2,000 คนร่วมงาน
กสิกรไทยจัดงาน “EARTH JUMP 2024 : The Edge of Action” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เป็นสัญญาณที่ดีของธุรกิจไทยที่ตระหนักถึงผลกระทบต่อภาวะโลกเดือดซึ่งจะส่งผลต่อความอยู่รอดของธุรกิจ
โดยได้รับเกียรติจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษฉายภาพเป้าหมาย และทิศทางของประเทศในเรื่องของพลังงานสะอาด พร้อมด้วยผู้นำองค์กรชั้นนำระดับโลก และไทยกว่า 40 ท่านร่วมกันให้ความรู้เพื่อยกระดับธุรกิจ และสังคมไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ผู้เข้าร่วมงานกว่า 2,000 คนได้รับความรู้ในทุกมิติ ทั้งโอกาส กฎเกณฑ์ มาตรการต่างๆ การสนับสนุนการเงินของธนาคาร รวมถึงการแชร์ประสบการณ์จากธุรกิจที่ปรับตัวแล้ว เพื่อพร้อมรับมือ และปรับตัวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำไปด้วยกัน
งานนี้ได้รับเกียรติจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานฉายภาพเป้าหมาย และทิศทางของประเทศในเรื่องของการแก้ปัญหาโลกร้อน จากการเดินทางไปพบนักลงทุนจะเห็นว่านักลงทุนที่จะลงทุนในต่างประเทศสิ่งที่สนใจคือ สิทธิประโยชน์จากการลงทุน ความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
และพลังงานสะอาด เราจะเห็นว่าประเทศที่เจริญแล้ว มีการใช้พลังงานสะอาดมากกว่าประเทศกำลังพัฒนา ประเทศไทยก็ต้องการพลังงานสะอาดจึงต้องเริ่มคิด และลงมือทำ ซึ่งการจะลดก๊าซคาร์บอนในไทยได้นั้นต้องให้ความรู้ทั้งภาคประชาชน และภาคธุรกิจ และในส่วนของภาคการเงินก็มีความสำคัญต่อการปรับเปลี่ยนจึงต้องได้รับการสนับสนุนทั้งเงินกู้ และตลาดทุน
ซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้ทำเรื่องนี้มานาน และมีการสนับสนุนเงินกู้ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องรัฐบาลก็จะมีการออก Sustainability-Linked Bond เพื่อผลักดันให้องค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันดำเนินนโยบายที่สร้างความยั่งยืน โดยในปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆ เข้าใจเรื่องนี้ดี
แต่ความน่าเป็นห่วงอยู่ที่ Supply Chain ถ้าไม่สามารถดึงเข้ามาอยู่ในปรัชญาเดียวกันได้ การส่งออกก็จะยากส่งสินค้าไปขายต่างประเทศก็จะถูกปฏิเสธ ดังนั้นสินเชื่อสีเขียวจึงสำคัญที่จะต้องมีเงินทุนในการให้ธุรกิจปรับเปลี่ยน เพราะเราจะทิ้งใครไว้ข้างหลังไม่ได้
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวภายในงานว่า อัตราการเติบโตของ GDP ในหลายๆ ประเทศ นั้นสวนทางกับอัตราการปล่อยคาร์บอนเป็นอย่างมากคือ ยิ่งมีการเติบโตของจีดีพีสูงขึ้นเท่าไร อัตราการปล่อยคาร์บอนยิ่งน้อยลงเท่านั้น เนื่องมาจากการตระหนักถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมที่มาอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้มีการปรับตัว และปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ประกอบกับศักยภาพด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อวางรากฐานด้านโครงสร้างต่างๆ ให้สามารถต่อยอด และสร้างโอกาสได้อย่างหลากหลาย
ขณะที่ประเทศไทย มีแนวโน้มส่งสัญญาณบวกเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่เห็นการฟื้นตัวของ GDP กลับมา สวนทางกับการปล่อยคาร์บอนที่ลดน้อยลง นับเป็นข่าวดีที่แสดงเห็นว่าทุกภาคส่วนเริ่มให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเห็นได้ชัด
การที่เราจะนำพาประเทศไทยก้าวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้ ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน และการทำงานร่วมกันก็จำเป็นจะต้องมีการกำหนดกติกากลางขึ้นมาร่วมกันในปีนี้ ภาพนี้ก็มีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ธนาคารรู้ดีว่าการสนับสนุนให้ธุรกิจตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่สำคัญ ธนาคารจึงจัดงานนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้รู้ทิศทางเป้าหมายของประเทศ กติกาด้านภาษีทั้งภายใน และต่างประเทศ ตลอดจนกติกาด้านการเงิน และการลงทุน รวมถึงการแชร์ประสบการณ์การปรับตัวจากธุรกิจต่างๆ ที่ได้ลงมือทำ และเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้
พร้อมกันนี้ยังมีวิทยากรระดับโลก และไทยอีกกว่า 40 ท่านมาร่วมให้ความรู้เพื่อยกระดับธุรกิจ และสังคมไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ โดยผู้ร่วมงานได้รับฟังเนื้อหาเข้มข้นผ่าน 2 เวทีคู่ขนาน ทั้งทิศทาง และเป้าหมายของประเทศ กติกาด้านภาษีทั้งภายใน และต่างประเทศ
ตลอดจนกติกาด้านการเงิน และการลงทุน รวมถึงการแชร์ประสบการณ์จากธุรกิจที่ปรับตัวแล้ว เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ลงมือปรับเปลี่ยนธุรกิจ และยังมีกิจกรรม Business Clinic ที่ธุรกิจสตาร์ตอัป และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสนใจลงทะเบียนกว่า 70 บริษัท เพื่อรับคำปรึกษาธุรกิจแบบเอ็กคลูซีฟตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าเพื่อให้ธุรกิจปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นธุรกิจคาร์บอนต่ำได้จริง
โดยธุรกิจสตาร์ตอัปให้ความสนใจปรึกษาเรื่องกฎหมายกับ McKinsey & Company มากที่สุด ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ความสนใจปรึกษาในหัวข้อ Decarbonize Advisory by KBank, Solar Panel Installation by SCG และ Sustainable Packaging Solution by SCGP ตามลำดับ
ซึ่งสะท้อนว่าธุรกิจไทยบางส่วนมองเห็นโอกาส และพร้อมแล้วที่จะลงมือทำ โดยงานในวันนี้มีผู้สนใจร่วมงานตลอดทั้งวันกว่า 2,000 คน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่ธุรกิจไทยเริ่มมีการปรับตัวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำมากขึ้น ธนาคารกสิกรไทยหวังว่างานนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ธุรกิจไทยสามารถก้าวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เพื่อคว้าโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืนได้สำเร็จ
สำหรับงาน EARTH JUMP 2024 : The Edge of Action เป็นการจัดงานแบบ Carbon Neutral Event มีการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมในงานทั้งหมดเพื่อชดเชยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมา และได้รับการสนับสนุนการออกแบบ ผลิตโครงสร้างนิทรรศการและวัสดุตกแต่งการจัดงานทั้งหมดจากบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ซึ่งสามารถนำกลับไปใช้ได้อีกเพื่อให้การจัดงานในครั้งนี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุด
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์