‘ทองคำ’ พุ่งทะยานก่อนการประชุมเฟด มีสิทธิแตะ 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ กลางปีหน้า

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานอ้างถึงการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่า “ราคาทองคำ” จะทะยานแตะ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในปีหน้า เนื่องจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เป็นการดำเนินดอกเบี้ยนโยบาย

ราคาทองสปอตพุ่งไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,509.65 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 0.14% สู่ระดับ 2,541.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ในการปิดตลาดเมื่อวันที่ 19 ส.ค.67

ซาบริน โชวเดอรี หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ BMI กล่าวว่า ปี 2566 คือ ปีที่ทองคำคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดหลายครั้ง โดยอ้างถึงความน่าดึงดูดของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

"ทองคำเติบโตจากความไม่แน่นอน… [และ] ความไม่แน่นอนอยู่ในระดับสูงสุด ปี 2567 เป็นปีที่มีการเลือกตั้ง การรุกล้ำของยูเครนในรัสเซีย และความตึงเครียดในสงครามตะวันกลางที่เพิ่มขึ้น"

อีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันราคาทองคำคือ โอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น จากการประชุมเฟดในเดือนก.ค.ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นถึงความเป็นไปได้ในการลดดอกเบี้ยในเดือนหน้า

“เมื่อเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าจะเป็นเดือนหน้า ราคาทองคำอาจแตะระดับ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์”  โชวเดอรี กล่าว

อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ทำให้ทองคำน่าสนใจมากขึ้น เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีดอกเบี้ยอย่างตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และการลดอัตราดอกเบี้ยยังกดดันดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนค่าลงได้ ทำให้ทองคำในสกุลดอลลาร์น่าสนใจมากขึ้น

นักวิเคราะห์จากซิตี้แบงก์ระบุว่า มุมมองของนักลงทุนที่มีต่อทองคำมีแนวโน้มเป็นไปในทางบวกในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า

ซิตี้แบงก์คาดการณ์ราคาทองคำจะแตะ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในกลางปี ​​2568 และคาดการณ์ราคาเฉลี่ยในไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ 2,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์

นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายเศรษฐกิจประจำปีที่แจ็กสัน โฮล โดยประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ในสัปดาห์นี้  ซึ่งอาจให้มุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนมากขึ้น

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์