หุ้นเวียดนามปรับฐานแรง กองทุนอ่วมติดลบหนักเฉียด 40%

 เป็นการร่วงหลุดระดับ 1,000 จุด ครั้งแรกในรอบ 1 ปี 9 เดือน (นับตั้งแต่เดือนม.ค.2564) โดยดัชนี VNI ที่ระดับ 998 จุด ยังนับเป็นการปรับตัวลดลงมาเกือบ 33% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี และยังถือเป็นตลาดที่ปรับตัวลดลงแรงสุดในภูมิภาคเอเชีย อะไรคือ สาเหตุที่ทำให้หุ้นเวียดนามร่วงลงแรง?

บดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บลจ.) ทหารไทย อีสท์สปริง เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจ ถึงตลาดหุ้นเวียดนามที่มีการปรับฐานลงมาอย่างรุนแรงเกิดขึ้น เวียดนามกำลังมีการคุมเข้มบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในการระดมทุน ,เข้มงวดในเรื่องความโปร่งใสมากขึ้น รวมถึงการส่งออกของเวียดนามได้รับผลกระทบจากจีนล็อกดาวน์ ขณะที่ ผู้บริหาร Saigon Commercial Bank ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของเวียดนามถูกกำกับการควบคุมจากทางการรัฐ และเวียดนามมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% เพื่อเบรกอัตราเงินเฟ้อ

จึงเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ส่งผลให้ตลาดเวียดนามมีการปรับฐานลงมาแรง เนื่องจากต้องยอมรับว่า ตลาดหุ้นเวียดนามนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นรายย่อยกว่า 90% เวลาเกิดแพนิกรายย่อยจึงได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก และเกิดแรงเทขายอย่างค่อนข้างมากเช่นกัน บวกกับเวียดนามเป็น Frontier Market สภาพคล่องค่อนข้างน้อย

"สิ่งที่เจอคือ เรื่องความโปร่งใส การระดมทุนของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจริงๆ คือ ความเสี่ยงที่อยู่ในตลาดอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นตลาดชายขอบ มาตรฐานทางบัญชี เรื่องการกำกับดูแล ยังไม่ได้มาตรฐานเท่ากับ อีเมอร์จิ้งมาร์เก็ต หรือดีเวลลอปมาร์เก็ต ฉะนั้นรัฐบาลเวียดนามต้องการเอาจริงๆ เอาจังเรื่องของความโปร่งใสทำให้ถูกต้อง เพราะต้องการหวังให้ตลาดหุ้นเวียดนามในอนาคตจัดอยู่ในดัชนี MSCI Emerging Markets Index ฉะนั้นเรื่องของความโปร่งใสก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ"สำหรับกองทุนหุ้นเวียดนาม 5 กองทุนที่ให้ผลติดลบในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เป็นเพียงแค่ช่วงระยะเส้นที่เกิดขึ้นในช่วง 1 – 2 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม เวียดนามถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตสวนภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวได้ เพราะถ้าย้อนกลับไปดูจีดีพีของเวียดนาม ไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 5% ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2565 อยู่ที่ 7.7% และไตรมาส 3 ปี 2565 อยู่ประมาณ 13%

นอกจากนี้เวียดนามไม่ได้ประสบปัญหาภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงมาก เหมือนใน Development Market เช่น สหรัฐ หรือยุโรป จึงเป็นผลกระทบเชิงระยะสั้นๆ เท่านั้น

ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามมี P/E อยู่ที่ 11 -12 เท่า ซึ่งถือว่าถูกมาก หากเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และกลุ่มอาเซียนด้วยกัน

ฉะนั้นเศรษฐกิจเวียดนามยังมีการเติบโตได้ในปีหน้า เนื่องจาก บจ. ยังสามารถทำกำไรได้ นักลงทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุน 5 - 10%

“ตลาดหุ้นเวียดนามไตรมาสแรกมาดีมาก ไม่เหมือนกับของฝั่งสหรัฐ หรือจีน ที่ลงมาตั้งแต่ต้นปี  ตลาดหุ้นเวียดนามเพิ่งจะปรับตัวลดลงมา ช่วงเม.ย.,พ.ค.  และร่วงหนักอีกทีตอน 1 เดือนที่ผ่านมา ลงไปกว่า 20% ส่งผลให้ผลตอบแทนกองทุนรวมตั้งแต่ต้นปี จนถึงปัจจุบันจะเห็นว่า ติดลบอยู่กว่า 30 % แต่จริงๆ คือ เพิ่งลงมา 1 - 2 เดือนที่ลงแรงๆ และด้วยที่ตลาดหุ้นเวียดนาม เป็น Frontier Market เวลาหุ้นขึ้นหรือลง เลยมีแรงกดดันที่มากกว่า เพราะฉะนั้นมองว่า เป็นเรื่องปกติของ Frontier Market หากเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐ อย่าง S&P 500 ลงมา 25 - 26% หรือตลาดหุ้นจีนที่ลงมาตั้งแต่ต้นปีประมาณ 20 -30%”

 สำหรับกองทุนหุ้นเวียดนาม 5 กองทุนที่ให้ผลติดลบในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เป็นเพียงแค่ช่วงระยะเส้นที่เกิดขึ้นในช่วง 1 – 2 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้น 

โดยนักลงทุนสามารถปรับพอร์ตหุ้นเวียดนามได้ประมาณ 5 -10% เพื่อให้เกิดผลกระทบของพอร์ตน้อยที่สุด และเพื่อเป็นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง และควรเน้นการลงทุนในระยะกลาง ไปจนถึงระยะยาวจึงจะได้รับผลตอบแทนที่ดี

จากข้อมูล morningstarthailand ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2565 พบว่า 5 กองทุนหุ้นเวียดนามย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีติดลบมากสุดกว่า 30% ได้แก่

1.กองทุนเปิด แอสเซทพลัส เวียดนาม โกรท ฟันด์ ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี -39.53%

2.กองทุนเปิด แอสเซทพลัส เวียดนาม โกรท เพื่อการเลี้ยงชีพ ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี -39.46%

3.กองทุนเปิด ยูไนเต็ด เวียดนาม ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์ ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี -39.46%

4.กองทุนเปิดกรุงศรีเวียดนามอิควิตี้ ชนิดสะสมมูลค่า ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี -38.54%

5.กองทุนเปิด วรรณ เวียดนาม อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดทั่วไป ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี -32.73%

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์