บล.ทรีนีตี้ คาดดัชนีหุ้นไทยปีกระต่ายแกว่ง 300 จุด ระหว่าง 1,500 - 1,760 จุด

บล.ทรีนีตี้ คาดดัชนีหุ้นไทยปีกระต่ายแกว่ง 300 จุด  ระหว่าง 1,500 - 1,760 จุด

บล.ทรีนีตี้ คาดดัชนีหุ้นไทยปีกระต่ายแกว่งระหว่าง 300 จุด ระหว่าง 1,500 - 1,760 จุด ชี้โค้งแรกปีนี้ หุ้นไทยให้ผลตอบแทนดีที่สุด และครึ่งปีแรกดีกว่าครึ่งปีหลัง แนะเพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก โรงไฟฟ้า อินฟราสตักเจอร์ฟันด์ และอสังหาฯ โทรคมนาคม

ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปี 2566 มีทั้งปัจจัยบวก และลบที่มีผลต่อการลงทุน และมองว่าดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งอยู่ระหว่าง 300 จุด(13 เท่าของกำไรต่อหุ้น 117 บาท และ 15 เท่า ของกำไรต่อหุ้น 117 บาท ในปี  2567 ตามลำดับ) โดยช่วงไตรมาส 1 จะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด

 แนะนำการลงทุนเป็น Sector Rotation โดยให้น้ำหนักลงทุนมากกว่าตลาด (Overweight) ไปยังกลุ่มธนาคาร กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่ม Infrastructure Fund กลุ่มIndustrial Estate และกลุ่มโทรคมนาคม แต่ให้น้ำหนักลงทุนน้อยกว่าตลาด (Underweight) กลุ่มพลังงาน  

บล.ทรีนีตี้ คาดดัชนีหุ้นไทยปีกระต่ายแกว่ง 300 จุด  ระหว่าง 1,500 - 1,760 จุด

"ช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ตลาดหุ้น ASEAN และ SET Index จะ Outperform ตลาดหุ้นโลก เพราะตลาดหุ้นASEAN ได้ผลประโยชน์จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง ต้นทุนวัตถุดิบที่ถูกลงเงินเฟ้อที่ลดลง แต่คาดว่านับตั้งแต่ไตรมาส 2 หรืออย่างช้าในไตรมาส 4 นักลงทุนต่างประเทศเริ่มหาจังหวะที่จะลดการลงทุนหุ้น ใน ASEAN อาจขายหุ้นประมาณหนึ่งส่วนสามของ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ซื้อมาปี 2565 หรือ 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อคงน้ำหนักลงทุนให้เท่า Benchmark MSCI Emerging Market "

การจัด Asset Allocation ปี 2566 ให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน Global Fixed Income 25 - 30% หุ้นใน Emerging Market 20 - 25% โดยเน้นน้ำหนักหุ้นจีน และเวียดนาม หุ้นไทย 10 - 15% ทองคำ 5 - 10% หุ้นยุโรป และหุ้นญี่ปุ่น 5% และเงินสด 25 - 30%

“ปี 2566 เป็นปีที่มีความผันผวนอย่างมาก มีทั้งปัจจัยที่เป็นบวก และลบผสมกันอย่างมาก เงินทุนเคลื่อนย้ายเร็วขึ้น Fed มีโอกาสกลับทิศจากการขึ้นดอกเบี้ยต้นปี ไปเป็นลดดอกเบี้ยแทน และอาจจะลดกว่า 1.75% ในปลายปี 2566 หรือการลดดอกเบี้ยของ Fed จะเกิดขึ้นอย่างช้าที่สุดในไตรมาส 1 ปี 2567 หรือเรียกว่า Fed Pivot ค่าเงิน US$ จะอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วช่วงที่ Fed หยุดการขึ้นดอกเบี้ย กลยุทธ์ลงทุน แนะนำให้ Overweight ในสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ดอลลาร์ มองค่าเงิน Yen แข็งค่าขึ้นขณะที่ราคาทองคำในรูปเงินดอลลาร์มีโอกาสขยับค่าขึ้น”

ดร.วิศิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย ในส่วน กนง.ของไทย อาจจะปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% อีก 2 ครั้ง ในวันที่ 25 มกราคม และ 29 มีนาคม แล้วจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ย เพราะเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์