KBANK ลงได้อีก |ออฟเรคคอร์ด

KBANK  ลงได้อีก  |ออฟเรคคอร์ด

หุ้นแบงก์ใหญ่ ที่เป็นตัวหลักพาหุ้นขึ้นและลงมา 2 วันติด ๆ สะท้อนให้เห็นว่ายัง “ไม่หมดความกังวลใจ” แม้จะมีข่าวบวกเดินหน้า (อย่างเป็นทางการ) เลือกตั้งปี 2566 วางไทม์ไลน์ 7 พ.ค. ก็ยังไม่ทำให้สถานการณ์หุ้นแบงก์กลับมาสดใส

๐๐๐ KBANK  ลงได้อีก 

     หุ้นแบงก์ใหญ่ ที่เป็นตัวหลักพาหุ้นขึ้นและลงมา 2 วันติด ๆ สะท้อนให้เห็นว่ายัง “ไม่หมดความกังวลใจ” แม้จะมีข่าวบวกเดินหน้า (อย่างเป็นทางการ) เลือกตั้งปี 2566 วางไทม์ไลน์ 7 พ.ค. ก็ยังไม่ทำให้สถานการณ์หุ้นแบงก์กลับมาสดใส 

     ยิ่งเห็น KBANK นำกลุ่มราคาร่วงหนัก จนราคาหุ้นปิดได้โหดจริงเพราะต่ำสุดของวันที่ 136.50 บาท ลดลง 3 บาท หรือ  2.15 % เทียบกับวันก่อนที่เด้งขึ้นมารับเลือกตั้งราคาหุ้นกลับมาลงที่จุดเดิมและดูหนักกว่าซะอีก 

      ไม่รู้ว่าจะห่วงเรื่องไหนหนักกว่ากันเพราะ หนี้เก่าของลูกค้าที่แช่ฟรีส เอาไว้สถานการณ์โควิดก้อนใหญ่ล้านล้านบาทจะหมดอายุและดูทรงไม่ต่อมาตรการ

        หรือจะ นโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ที่ดูจะเข้มข้น - ชิงฐานเสียงด้วยการชูประเด็น“ พักหนี้บ้าง - ยกเลิกเครดิตบูโร หรือไปถึงรื้อระบบสินเชื่อ ” กันใหม่ 

        ยังไม่รวมกับ นโยบายใหม่ ที่หลายพรรคจะประกาศเพิ่มเติมออกมาอีกระลอก และน่าจะเป็น “ชุดใหญ่” ซะด้วย ... ฟังแล้วก็หนาวแทนบรรดาแบงก์ต่างๆ 

๐๐๐

      ตลาดหุ้นไทยตอบรับกระแสสตาร์ท Election Rally อย่างเป็นทางการได้เพียงวันเดียว 10 จุด กลับมากังวลปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของ FED หลังเห็นสัญญาณทางเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคบริการและภาคผลิตสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวสวนทางกับ FED ที่ต้องการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ  

๐๐๐

     ด้านการลงทุนทำให้ Bond Yield อายุ 10 ปี ของสหรัฐปรับตัวขึ้นมาทันทีแตะเกือบ 4 % กดดันการลงทุนในตลาดหุ้น  จึงทำให้บรรยากาศตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวลงทั้งภูมิภาค  ซึ่งตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในแดนลบ จนมาปิดตลาดที่ 1,659.48  จุด ลดลง 9.15   จุด  เปลี่ยนแปลง0.55 % มูลค่าการซื้อขาย 55,106.24  ล้านบาท   

๐๐๐

      ธีม  Theme Strategy “ Election Play” ทำให้กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการเลือกตั้งที่มีความชัดเจน บรรดาหุ้นที่ได้รับอานิสงค์ดีกลับมาแข็งกว่าตลาด กลุ่มโรงแรม และค้าปลีก  โดยเฉพาะหุ้นโรงแรมที่ต้องรับว่าแข็งแรงจริง  ERW  ราคาหุ้นมาปิดที่  4.90 บาท เพิ่มขึ้น 3.81%  แม้งบทั้งปี 65 ยังขาดทุน 225 ล้านบาทแต่เป็นการขาดทุนน้อยลง  

       ไตรมาส 4/65 ตัวเลขกระโดดแบบร้องว้าว!  มีรายได้ จากธุรกิจโรงแรม 1,717 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 186 %  พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 240 ล้านบาท   จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยสูงกว่า ททท. คาด ทำตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งปีเพิ่มเป็น 11.14 ล้านคน บวกกับคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลคริสมาสต์และวันหยุดยาวนอกจากนี้ยังมีการเปิด HOP INN ในกรุงเทพฯเพิ่ม 3 แห่ง

๐๐๐

      ด้านหุ้นกลุ่มค้าปลีกต้องยกให้หุ้นตัว C ทั้ง CPALL   ที่ราคาปิดบวกได้ 66.50  บาทเพิ่มขึ้น 1.53 % ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่ากลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์โดยตรงจากความคืบหน้าเลือกตั้ง เนื่องจากคาดว่านโยบายยกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นนโยบายหลักของทุกพรรคการเมือง จึงเป็นบวกต่อหุ้นที่เชื่อมโยงกําลังซื้อในประเทศ

       สำหรับ CPALL คาดกำไรปกติไตรมาส4/65 ที่ 3.8 พันล้านบาท( +37% YoY และ +2% QoQ )จาก SSSG ที่เร่งตัวขึ้น +12% YoY เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจและสถานการณ์โควิด คลายตัวลง ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรเติบโต +38% YoY เป็น 1.76 หมื่นลบ

๐๐๐

        ส่วน CRC ก็ไม่น้อยหน้าเปิด แผนใหญ่ในค้าปลีกเวียดนาม ด้วยการทุ่มงบลงทุน 5 ปี 5 หมื่นล้านบาท เพื่อขึ้นเป็นผู้นำในเวียดนาม  หลังจากที่เข้าลงทุนใน “เหงียนคิม” มีค้าปลีกรายใหญ่ “GO”  ตั้งเป้าสร้างยอดขาย 150,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 ขึ้นแท่นผู้นำค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ซึ่งราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ 45.25  บาท  เพิ่มขึ้น 0.50  % 

๐๐๐

         แฟนคลับติดตามหุ้นไอพีโอ  "บมจ. เรดดี้แพลนเน็ต หรือ READY"  ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการขายและการตลาดดิจิทัลแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว เปิดซื้อขายมาเหนือราคาจอง IPO 7.30 บาท 10.70 บาท เพิ่มขึ้น 46.57 %  และยังพาขึ้นทำราคาสุงสุดของวันที่ 16.00 บาท เกือบทำเอานักลงทุนใจแป้วว่าเปิดมาบ่ายเจอแรงตบเทขายกันลงมากอง แต่หุ้นดีย่อมมีแรงซื้อต่อราคาหุ้นปิดที่  15.00 บาท เพิ่มขึ้น 105.45  %