โบรก ชี้ 'หุ้นไทย'เดือนเม.ย. วอลุ่มฟื้น 5 หมื่นล้าน -เซนทริเม้นท์ลงทุนดี
โบรก ส่งซิกกองทุนมีโอกาสทำ “วินโดวส์เดรสซิ่ง” ปิดไตรมาส 1/ 66-แรงซื้อกองทุนทริกเกอร์ฟันด์หนุน "บล.ทิสโก้" ชี้เซนทริเม้นท์ลงทุนดีต่อเนื่องในเดือนเม.ย. คลายกังวลแบงก์ในสหรัฐ-ยุโรป “บล.หยวนต้า” คาดวอลุ่มเทรดฟื้นกลับมา 5 หมื่นล้าน บล.กสิกรไทย แนะจับตาปัจจัยต่างประเทศ
ความเคลื่อนไหว “ดัชนีหุ้นไทย” ปิดตลาดวานนี้ (28 มี.ค. 2566) อยู่ที่ 1,606.91 จุด ปรับตัวขึ้น 13.54 จุด หรือ 0.85 % มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 44,685.40 ล้านบาท “หุ้นบิ๊กแคป” ปรับตัวขึ้นเด่น โดยเฉพาะ "หุ้นกลุ่มแบงก์” หนุนดัชนีขึ้น 6 จุด รับเซนทริเมนต์เชิงบวก หลังจากนักลงทุนเริ่มคลายกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพระบบธนาคารในสหรัฐและยุโรป หลังหลัง เฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์แชร์ส ตกลงเข้าซื้อกิจการซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ครอบคลุมถึงเงินฝากและเงินกู้ทั้งหมดของ SVB
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในสิ้นเดือนมี.ค. 2566 มีโอกาสเห็นการทำราคาเพื่อปิดงวดบัญชี (วินโดวส์ เดรสซิ่ง) ของนักลงทุนสถาบัน โดยคาดว่าจะเห็นการทำวินโดวส์เดรสซิ่งต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่เหลือ ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้คาดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1.75% และเพิ่มโอกาส “คงดอกเบี้ย” ในช่วงที่เหลือของปี จากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ส่งผลกระทบต่อระบบธนาคารในสหรัฐและยุโรป
พร้อมกันนี้ยังมีปัจจัยพิเศษในประเทศเฉพาะตัว โดยจะมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมทริกเกอร์ฟันด์ราว 5 กองทุน โดยเฉพาะวานนี้กองทุนรวมทริกเกอร์ฟันด์ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ มีขนาดใหญ่สุด เข้ามาซื้อหุ้น ด้วย หลังจากสิ้นสุดการขายไปแล้ว
ดังนั้นปัจจัยหนุนดังกล่าว ยังคงเป็นโมเมนตัมเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในเดือนเม.ย. “รีบาวนด์” คาดดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัปมองแนวรับ 1,575 -1,580 จุด และ แนวต้าน 1,620-1,630 จุด
ส่วนปริมาณการซื้อขายหุ้นในเดือน เม.ย.คาดว่าอาจจะยังเบาบางต่อเนื่อง แม้กระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ชะลอแรงขาย แต่อาจยังไม่กลับมาเป็นบวกนัก หากความกังวลเสถียรภาพระบบแบงก์ประกอบกับในเดือนเม.ย. มีวันหยุดค่อนข้างมากยังต้องติดตาม
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มหุ้นไทยเดือนเม.ย. น่าจะเห็นการฟื้นตัวกลับมาได้ ปัจจัยหลักคือ ไม่มีการประชุมธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทำให้ตลาดคลายกังวลการขึ้นดอกเบี้ยที่จะส่งผลกระทบต่อธนาคารในสหรัฐและยุโรป และบริษัทจดทะเบียนเข้าสู่ช่วงการจ่ายปันผล และคาดมีแรงเก็งกำไรเข้ามาหนุนหุ้นกลุ่มที่ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566ฟื้นตัว
ขณะเดียวกันการประกาศหาเสียงเลือกตั้งและการเดินหน้าสู่การเลือกในประเทศ จะทำให้มีเงินระบบเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เป็นเซนทริเมนต์เชิงบวกต่อการลงทุนหุ้นไทย แม้ว่าตลาดยังมีความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในครึ่งปีหลังก็ตาม และปกติในเดือน เม.ย. ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดีสุดถึง 2% ทั้งนี้คาดว่าจะทำให้ปริมาณการซื้อขายหุ้นไทย เพิ่มขึ้นกลับมาที่ระดับปกติ เฉลี่ย 50,000 ล้านบาทต่อวัน จากช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างปรับตัวลงวอลุ่มเบาบางเฉลี่ย 20,000-30,000 ล้านบาทต่อวัน โดยมองแนวรับ1,570-1,580 จุด และแนวต้าน 1,620-1,640 จุดซึ่ง
นายสุนทร ทองทิพย์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า เดือนเม.ย. ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวไซด์เวย์ ปริมาณการซื้อขายน่าจะทรงตัวระดับ 30,000-40,000 ล้านบาทต่อวัน และมองดัชนีในกรอบ 1,520-1,630 จุด จากปัจจัยในต่างประเทศจะมีผลต่อหุ้นไทยมากกว่าปัจจัยในประเทศ
"ไตรมาส 2 ปีนี้ ตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวเพื่อรอดูปัจจัยต่างประเทศ ส่วนปัจจัยในประเทศ คาดนักลงทุนต่างชาติจะยังรอดูผลการเลือกตั้ง, การประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/66 ไทย และผลประกอบการบจ. ในช่วงครึ่งแรกเดือนพ.ค. ซึ่งตัวเลขภาพรวมดูคลุมเครือ"