หนี 'บิ๊กแคป' เข้าเก็งกำไร 'หุ้นเล็ก' ดันราคาพุ่ง โบรกเกอร์เตือนระวังลงทุน
"หุ้นกลาง - เล็ก“ ราคาพุ่งแรง "เอ็ม พิคเจอร์ส - ช ทวี - นิวซิตี้" ซิลลิ่ง บล.ยูโอบี ชี้นักลงทุนเลี่ยงลงทุนหุ้นใหญ่ หลังโดนต่างชาติเทขายต่อเนื่อง แนะระมัดระวังลงทุน - ติดตามใกล้ชิด - พร้อมตัดขาดทุนทันทีหากเก็งผิดทาง
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยตอนนี้ ยังขาดปัจจัยบวกเข้ามาหนุน และถูกกดดันจากความไม่แน่นอน ทั้งปัจจัยภายในประเทศคือ พรรคแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล และจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ และนโยบายที่หาเสียงนั้นมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ในเรื่องการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐที่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยออกมาต่อเนื่อง กดดันหุ้นขนาดใหญ่ จึงทำให้นักลงทุนหันเข้าเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก หนุนราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงชนซิลลิ่ง นำโดย บมจ. เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (MPIC) เพิ่มขึ้น 30.30% มาปิดที่ 2.58 บาท ชนซิลลิ่งเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน รองมาบมจ.นิวซิตี้ (กรุงเทพฯ) (NC)เพิ่มขึ้น 30.32% ปิดที่ 10.10 บาท ซึ่งราคาชนซิลลิ่ง 3 วันติดต่อกัน บมจ. ช ทวี (CHO) เพิ่มขึ้น 29.41% ปิดที่ 0.22 บาท
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง เนื่องจาก ปัจจุบันนักลงทุนยังคงกังวลหุ้นขนาดใหญ่ เพราะนักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และความกังวลนโยบายของแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่จะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่
ดังนั้นจึงทำให้หุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กมีความน่าสนใจในลงทุนมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยลบรุนแรงเข้ามากระทบ และปกติหลังประกาศงบการเงินของ บจ.ออกมาครบแล้ว แม้ผลดำเนินงานจะออกมาดี หรือไม่ดี ก็มีเวลา 1 เดือนให้นักลงทุนสามารถที่จะเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นดังกล่าวได้
ทั้งนี้หากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กนั้น จะต้องศึกษาพื้นฐานของบริษัท และมีความเข้าใจพฤติกรรมของหุ้นนั้น และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูง รวมถึงสามารถตัดขาดทุนได้ หากไม่เป็นไปตามความคาดหวัง เพราะหุ้นบางตัวนั้นเป็นหุ้นมันนี่เกมจริงๆ ขึ้น หรือลง โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ หรือหุ้นบางตัวปรับตัวขึ้นมา จากช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง
นอกจากนี้นักลงทุนที่จะเข้าเก็งกำไรหุ้นดังกล่าว จะต้องมีเวลาในการติดตามความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าหุ้นหลายตัวนั้น ไม่มีปัจจัยพื้นฐานหรือปัจจัยบวกรองรับ และอาจเป็นเพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงมาเยอะจึงทำให้นักลงทุนบางส่วนเห็นส่วนต่างราคาจึงเข้ามาเก็งกำไร ซึ่งไม่สามารถที่จะเข้าไปดูงบการเงินแล้วมาสะท้อนที่ราคาหุ้นได้ รวมถึงจะต้องมีประสบการณ์ในการบริหารความเสี่ยง มองจังหวะการลงทุนออกตัดสินใจการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว และสามารถตัดขาดทุนได้เมื่อราคาหุ้นผิดไปจากเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายกิจพณ กล่าวว่า ส่วนกรณีของหุ้น MPICที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นชนซิลลิ่ง 2 วันติดต่อกันนั้น เพราะปกติเมื่อบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วนที่สูงนั้น ทำให้ปริมาณหุ้นที่หมุนเวียน(ฟรีโฟลต)ในตลาดมีน้อย ทำให้ราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวในตลาดจะปรับตัวดีขึ้นไประยะหนึ่ง โดย MPIC นั้นมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ 92%
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์